ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
1. พยัญชนะ : ศีลธรรมโดยพยัญชนะ :
1.1 ภาวะแห่งความปกติ.
1.2 ธรรมที่ทำความปกติ.
1.3 ธรรมที่เป็นความปกติ.
2. อรรถะ : ศีลธรรมโดยอรรถะ :
2.1 ศีลธรรมในความหมายที่ใช้กันทั่วไป : หมายถึงธรรมะขั้นพื้นฐานยังไม่ถึงขั้นปรมัตถ์.
2.2 “ธรรม” ในความหมายตามภาษาบาลีก็ดี; หรือภาษาธรรมที่ใช้ในทางศาสนาทั้งหมดทุกชั้นทุกระดับก็ดี ; ย่อมหมายถึงนิพพานด้วย ; เพราะไม่มีอะไรจะทำความปกติเท่ากับนิพพาน.
2.3 ได้แก่ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เป็นอยู่ตามปกติ ; ไม่มีอะไรปรุงแต่งแทรกแซง.
3. ไวพจน์ : ศีลธรรมโดยไวพจน์ : โดยพยัญชนะไม่มี, มีแต่โดยอรรถะ : คือ คำว่า โลกิยธรรม ได้แก่ธรรมที่เป็นวัฏฏคามินีปฏิปทาA71 ทั่วๆ ไป.
4. องค์ประกอบ : ศีลธรรมโดยองค์ประกอบ :
4.1 องค์ประกอบที่จะทำให้เรียกได้ว่าศีลธรรม :
1. ความรู้ที่ถูกต้องและเพียงพอ ; การปฏิบัติที่ถูกต้องและเพียงพอ ; ผลของการปฏิบัติที่ถูกต้องและเพียงพอ.
2. วัฒนธรรมพื้นฐานประจำบ้านเรือนถูกต้อง ; สิ่งแวดล้อมถูกต้อง ; การศึกษาถูกต้อง.
3. ต้องเป็นสิ่งที่อาจจะเรียนรู้ได้; อาจจะเข้าใจได้; อาจจะปฏิบัติได้.
4.2 องค์ประกอบของการทำให้เกิดศีลธรรม :
1. ต้องมีการสอน.
2. ต้องมีการปฏิบัติ.
3. ต้องมีการช่วยให้ปฏิบัติสำเร็จ.
5. ลักษณะ : ศีลธรรมโดยลักษณะ :
5.1 มีความหมายเหมาะสมสำหรับเป็นหลักปฏิบัติพื้นฐานของสังคม.
5.2 ไม่สูงถึงปรมัตถธรรม.
5.3 มีลักษณะพร้อมที่จะเป็นบาทฐานของปรมัตถธรรม.
6. อาการ : ศีลธรรมโดยอาการ :
6.1 เคลื่อนไหวไปทางสร้างสรรค์ความสงบ.
6.2 เคลื่อนไหวไปในทางยุติวิกฤตการณ์.
6.3 เคลื่อนไหวไปในทางสร้างสรรค์มิตรภาพทุกระดับ.
7. ประเภท : ศีลธรรมโดยประเภท :
7.1 แบ่งโดยประเภทสาม :
1. ศีลธรรมระดับบุคคล.
2. ศีลธรรมระดับสังคม.
3. ศีลธรรมระดับโลก.
7.2 แบ่งโดยประเภทสอง :
กลุ่มที่ 1 :
1. ศีลธรรมที่ยึดหลักศาสนาตามกฎธรรมชาติ.
2. ศีลธรรมที่มนุษย์ตกลงสมมติบัญญัติขึ้น.
กลุ่มที่ 2 :
1. ศีลธรรมที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับกาละเทศะ.
2. ศีลธรรมที่ต้องขึ้นอยู่กับกาละเทศะ.
กลุ่มที่ 3 :
1. ศีลธรรมที่เป็นไปเพื่อวัฏฏคามินี : คือ ส่งเสริมเพื่อเป็นไปตามวัฏฏะ.
2. ศีลธรรมที่เป็นไปเพื่อวิวัฏฏคามินี : คือ ส่งเสริมเพื่อออกจากวัฏฏะ : เช่น การให้ทาน เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง :
เอาสวรรค์ = วัฏฏะ
ให้หมด “ตัวกู” = วิวัฏฏะ
8. กฎเกณฑ์ : ศีลธรรมโดยกฎเกณฑ์ :
8.1 เว้นในสิ่งที่ควรเว้น กระทำในสิ่งที่ควรกระทำ ; ช่วยเฉพาะในสิ่งที่ควรช่วย ; ยกย่องสรรเสริญในที่ควร.
8.2 ทำดี ดีเสร็จแต่เมื่อทำ ไม่ต้องรอการได้ดี ; ทำชั่ว ชั่วเสร็จแต่เมื่อทำ ไม่ต้องรอการได้ชั่ว.
8.3 การได้ผลพลอยได้ทีหลังนั้นไม่เป็นประมาณ: ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ได้ ; ตรงตามความประสงค์ก็ได้ ไม่ตรงตามความประสงค์ก็ได้.
8.4 ลาภผลที่ได้มาจากการทำชั่ว ก็ถือว่าเป็นของชั่ว; ไม่พึงปรารถนา.
8.5 คนรวย, คนสวย, คนฉลาด, คนสามารถ ฯลฯ ยังไม่แน่ว่าเป็นคนมีศีลธรรม.
8.6 คนจน, คนขี้เหร่, คนไม่ฉลาด, คนไม่สามารถ ฯลฯ ก็มีศีลธรรมได้.
8.7 สังคมทุกชนิดต้องมีศีลธรรมเป็นหลักสำหรับความอยู่รอด.
9. สัจจะ : ศีลธรรมโดยสัจจะ :
9.1 ศีลธรรมเป็นสิ่งที่ต้องมีเหตุผลทางปรมัตถธรรมเป็นรากฐาน.
9.2 การปฏิบัติตามแนวทางไสยศาสตร์อย่างถูกต้องนั้น ; จะต้องเป็นการส่งเสริมศีลธรรมตามแบบของคนปัญญาอ่อน.
9.3 ศีลธรรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมมนุษย์.
9.4 ไม่มีปัญหาใดๆ ในโลกที่มิได้มาจากการขาดศีลธรรม.
9.5 ศีลธรรมมีทั้งที่ตรงตามกฎธรรมชาติ และที่อำนวยตามความประสงค์ของมนุษย์.
9.6 ศีลธรรมเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี.
9.6 ศีลธรรมเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี.
10. หน้าที่ : ศีลธรรมโดยหน้าที่ (โดยสมมติ) :
10.1 กำจัดเสนียดจัญไรในโลก.
10.2 ในการทำคนให้เป็นมนุษย์.
10.3 ในการแก้ปัญหาของสังคมทุกระดับ.
10.4 ในการกำจัดความเห็นแก่ตัวของสังคม.
10.5 เข้ามาแทรกแซงในกิจกรรมของมนุษย์ทุกกรณี.
11. อุปมา : ศีลธรรมโดยอุปมา : เปรียบเสมือน :
11.1 ร่มเงาแห่งพฤกษาชาติสำหรับโลก.
11.2 ภูมิป้องกันโรคขั้นพื้นฐาน.
11.3 เครื่องนุ่งห่มที่ปกปิดความละอาย และให้ความสวยงาม.
12. สมุทัย : ศีลธรรมโดยสมุทัย :
12.1 ความมีหิริโอตตัปปะ.
12.2 ความกลัวการถูกลงโทษ กลัวความตกต่ำทางสังคม.
12.3 ความอยากได้สวรรค์.
12.4 การทำตามกันมาตามประเพณีของวงศ์ตระกูลและสังคม.
12.5 การทำด้วยความกตัญญูต่อบุพการี.
12.6 การคบสัตบุรุษ.
12.7 การมองเห็นโทษของความไม่มีศีลธรรม.
12.8 ความมีสัมมาทิฏฐิ.
12.9 ความอยากดับทุกข์ในขั้นเริ่มต้น.
13. อัตถังคมะ : ศีลธรรมโดยอัตถังคมะ :
13.1 เมื่อถูกกิเลสครอบงำ
13.2 เมื่อพ้นกาละเทศะ อันเป็นต้นเหตุแห่งปัญหา.
14. อัสสาทะ : ศีลธรรมโดยอัสสาทะ :
14.1 ความอุ่นใจว่าจะได้สวรรค์ หรือสิ่งที่ปรารถนา.
14.2 ความหวังในทางบวกทุกชนิด.
14.3 ความมีหน้ามีตา มีชื่อเสียงเกียรติยศในสังคม.
15. อาทีนวะ : ศีลธรรมโดยอาทีนวะ : ไม่ควรจะกล่าวว่ามี (แม้ความยากลำบากหมดเปลืองในการปฏิบัติศีลธรรม ก็ไม่ถือว่าเป็น อาทีนวะ) ; จะมีบ้าง ก็ต่อเมื่อหลงใหลมัวเมายึดถือด้วยอุปาทาน ในผลของความมีศีลธรรม.
16. นิสสรณะ : ศีลธรรมโดยนิสสรณะ : ไม่มี สำหรับการออกจากศีลธรรม ; แต่มีสำหรับออกจากความหลงใหลเข้าใจผิดในผลของศีลธรรม ซึ่งเรียกว่าสีลัพพตปรามาส.
17. ทางปฏิบัติ : ศีลธรรมโดยทางปฏิบัติ : เพื่อเข้าถึงศีลธรรม :
17.1 ควบคุมสัญชาตญาณอย่างสัตว์ คือ ความรู้สึกทางอายตนะที่เป็นเหตุให้เกิดความเห็นแก่ตัว.
17.2 ระวังให้มีความถูกต้องทั้งทางวัตถุ, ทางกาย, ทางจิต, ทางสติปัญญา.
17.3 ให้มีการอยู่กันอย่างเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ใช่อย่างลูกจ้างกับนายจ้าง หรือนายทุนกับชนกรรมาชีพ.
17.4 ยอมรับความที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อการอยู่กันเป็นสังคม ; มิใช่เพื่อต่างคนต่างอยู่.
18. อานิสงส์ : ศีลธรรมโดยอานิสงส์ :
18.1 มีสันติสุขส่วนบุคคล.
18.2 มีสันติภาพของสังคม.
18.3 เป็นบันไดแห่งการเข้าถึงนิพพาน.
18.4 ทำให้มนุษย์มีความแปลกแตกต่างจากสัตว์.
18.5 มีสวรรค์ตัวอย่างที่นี่ และเดี๋ยวนี้.
18.6 มีภาวะปกติในทุกความหมายของคำว่า “ศีล”
19. หนทางถลำ : ศีลธรรมโดยหนทางถลำ : เข้าสู่ความมีศีลธรรม :
19.1 ถูกความทุกข์ทรมานบีบคั้น.
19.2 กรรมพันธุ์ดี.
19.3 สิ่งแวดล้อมดี.
20. สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : ศีลธรรมโดยสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : กับความมีศีลธรรม :
20.1 การศึกษาอบรมที่ถูกต้อง (ที่เป็นไปเพื่อการทำลายความเห็นแก่ตัว).
20.2 วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม (ที่เห็นแก่ประโยชน์ของทุกฝ่าย).
20.3 ความมีหิริโอตตัปปะเป็นนิสัย.
21. ภาษาคน - ภาษาธรรม : ศีลธรรมโดยภาษาคน - ภาษาธรรม :
ภาษาคน : เป็นเรื่องโลกิยะ.
ภาษาธรรม : เป็นเรื่องทั้งโลกิยะ และโลกุตตระ.
ธรรมโฆษณ์ที่แนะนำให้อ่าน
1. การกลับมาแห่งศีลธรรม
2. ธรรมะกับการเมือง
3. เมื่อธรรมครองโลก
4. เยาวชนกับศีลธรรม
5. ศีลธรรมกับมนุษยโลก
6. อริยศีลธรรม