ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
1. พยัญชนะ : สังขารโดยพยัญชนะ : คือ กระทำพร้อม คือ ปรุง.
2. อรรถะ : สังขารโดยอรรถะ : มี 3 อย่าง : คือ ความหมายแห่งผู้ปรุง, สิ่งที่ถูกปรุง, การปรุง ; ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในคำว่าสังขาร.
3 .ไวพจน์ : สังขารโดยไวพจน์ : คือ สังกร, สังขต.
4. องค์ประกอบ : สังขารโดยองค์ประกอบ :
1. โดยหลักใหญ่ : มีผู้ปรุง, สิ่งที่ถูกปรุง : เช่น ความอยาก.
2. โดยหลักย่อย :
1 .มีผู้ปรุง และปัจจัยแห่งผู้ปรุง : เช่น ความอยาก.
2. มีสิ่งที่ถูกปรุง และปัจจัยแห่งสิ่งที่ถูกปรุง : เช่น ธาตุทั้งหลาย
3. มีการปรุง และปัจจัยแห่งการปรุง: เช่น อำนาจหรือความเป็นไปได้แห่งการปรุง.
5. ลักษณะ : สังขารโดยลักษณะ : มีลักษณะ :
5.1 ไม่เที่ยง, เป็นทุกข์, เป็นอนัตตา.
5.2 ปิดบังความจริง.
5.3 ปรุงแต่งให้เกิดสิ่งใหม่.
5.4 แห่งการเกิดขึ้น, ตั้งอยู่, ดับไป, อย่างไม่มีที่สิ้นสุด.
6. อาการ : สังขารโดยอาการ : มีอาการ :
6.1 ของปฏิจจสมุปบาท.
6.2 แห่งวัฏฏะ คือ : เกิดขึ้น, ตั้งอยู่, ดับไปๆๆ.
6.3 แห่งความไม่สงบ.
6.4 ทั้งฝ่ายวิวัฒนาการ และวินาศนาการ.
7. ประเภท : สังขารโดยประเภท :
7.1 แบ่งโดยประเภทสาม :
กลุ่มที่ 1 : จำแนกตามฐานที่ตั้ง :
1. กายสังขาร : ให้เกิดการกระทำทางกาย.
2. วจีสังขาร : ให้เกิดการกระทำทางวาจา.
3. มโนสังขาร : ให้เกิดการกระทำทางใจ.
กลุ่มที่ 2 : แบ่งตามคุณค่า :
1. ปุญญาภิสังขาร : ปรุงแต่งบุญ.
2. อปุญญาภิสังขาร : ปรุงแต่งสิ่งมิใช่บุญ.
3. อเนญชาภิสังขาร : ปรุงแต่งความไม่หวั่นไหวไปตามบุญและอบุญ ; แต่ยังไม่ถึงขั้นนิพพานโดยสมบูรณ์.
7.2 แบ่งโดยประเภทสอง : จำแนกโดยสภาวธรรมชาติ :
1. นามธรรม (จิตใจ).
2. รูปธรรม (วัตถุและกาย).
8. กฏเกณฑ์ : สังขารโดยกฎเกณฑ์ :
8.1 ขึ้นชื่อว่าสังขารต้องมีเหตุมีปัจจัย และเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย.
8.2 สังขารที่ปรุงมาจากอวิชชาเป็นไปเพื่อทุกข์.
8.3 ขึ้นชื่อว่าสังขารต้องมีน้ำหนักในตัว ; ตรงกันข้ามกับวิสังขาร ซึ่งไม่มีน้ำหนัก.
8.4 สังขารมีมิติ (เครื่องกำหนด) ; วิสังขารไม่มีมิติ.
9. สัจจะ : สังขารโดยสัจจะ :
9.1 ถ้ามีปัจจัยปรุงแต่ง และต้องเป็นไปตามอำนาจปัจจัยแล้ว เรียกว่าสังขารทั้งสิ้น ; ต่อเมื่อตรงกันข้าม จึงจะเรียกว่าวิสังขาร (มิใช่สังขาร).
9.2 ถ้าเป็นสังขารแล้วก็ต้องไม่เที่ยง, เป็นทุกข์, เป็นอนัตตา.
9.3 จักรวาลทั้งปวง เป็นเพียงกระแสแห่งการปรุงแต่ง ของสิ่งที่เรียกว่าสังขาร.
9.4 อาการปรุงแต่งของสังขารทั้งหลาย จนตลอดสาย เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท.
9.5 สังขารที่เกี่ยวข้องกันอยู่กับมนุษย์ในชีวิตประจำวัน มีอยู่ในนามของสิ่งที่ เรียกว่า ขันธ์ 5, อายตนะ 6.
9.6 สังขารสิ้นสุดลงเมื่อหมดเหตุหมดปัจจัย และสิ้นสุดแห่งการปรุง ; เรียกว่าความสงบแห่งสังขาร หรือความปรากฏแห่งวิสังขาร.
9.7 การกระทำกรรมก็ดี, การรับผลกรรมก็ดี, มีได้โดยสังขารและแก่สังขาร ; ทั้งที่เป็นอนัตตา.
9.8 สังขารที่ไม่ถูกยึดถือ ก็คือเบญจขันธ์ที่ไม่ถูกยึดถือ หรือขันธ์ล้วนๆ ; ก็ยังไม่เป็นทุกข์. สังขารที่ถูกยึดถือ ก็คือเบญจขันธ์ที่ถูกยึดถือ หรืออุปทานขันธ์ ก็จ้องเป็นทุกข์.
9.9 ขึ้นชื่อว่าสังขาร ต้องอยู่ภายใต้อำนาจแห่งกฏของการปรุงแต่งตลอดเวลา ; ไม่มีทางที่จะเป็นอิสระ.
9.10 สังขารตั้งต้นปรุงแต่งกันเมื่อไร และหยุดปรุงแต่งกันเมื่อไร เป็นสิ่งที่สังขาร (ที่สมมติเรียกกันว่าบุคคล) นั้นเอง ก็ยังรู้จักได้ยากหรือถึงกับไม่รู้จักเสียเลย.
9.11 สังขารทั้งหลายเป็นตัวละคร ที่แสดงบทบาทของธรรมชาติฝ่ายสังขตะอยู่ทุกอย่างทุกประการ และตลอดเวลา.
9.12 ชีวิตก็ดี, นามรูปก็ดี,อารมณ์, เวทนา,อายุ,กรรม, และผลกรรมก็ดี ฯลฯ; ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสังขาร หรือสิ่งปรุงแต่งชั่วคราว.
10. หน้าที่ : สังขารโดยหน้าที่ (โดยสมมติ) :
10.1 ปรุงแต่ง : ให้เกิดผู้ปรุงแต่ง, สิ่งถูกปรุงแต่ง, และการปรุงแต่ง.
10.2 ปรุงแต่งวัฏฏะ : ทั้งในความหมายที่เป็นการข้ามภพข้ามชาติ และไม่ข้ามภพ ข้ามชาติอย่างไม่หยุดหย่อน.
10.3 ทำสิ่งทุกสิ่งไม่ให้คงอยู่ในสภาพเดิม.
10.4 ปรุงแต่งวิญญาณธาตุ ให้เป็นวิญญาณทางอายตนะ.
11. อุปมา : สังขารโดยอุปมา : เปรียบเสมือน :
11.1 ผู้ปั้นหม้อ, หม้อ, การปั้นหม้อ.
11.2 นายช่างสร้างเรือน, เรือน, การสร้างเรือน.
12. สมุทัย : สังขารโดยสมุทัย :
12.1 อวิชชา.
12.2 ความต้องการ (ตัณหา).
12.3 กฎแห่งวิวัฒนาการปัจจัยแห่งสังขารทางวัตถุ.
13. อัตถังคมะ : สังขารโดยอัตถังคมะ คือ :
13.1 ความดับแห่งอวิชชา.
13.2 สังขารที่เรียกโดยชื่ออื่น จะมีกี่ชนิดหรือกี่สิบชนิดก็ตาม จะดับไป เพราะการดับแห่งเหตุของมัน.
13.3 ความดับแห่งความต้องการ.
13.4 ความสิ้นสุดแห่งวิวัฒนาการ.
13.5 ความขาดปัจจัยแห่งสังขาร.
13.6 ความดับไปตามธรรมดาของสิ่งที่เป็นสังขตธรรม.
14. อัสสาทะ : สังขารโดยอัสสาทะ :
14.1 ทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ขึ้นมาได้ตามความต้องการ ทั้งทางวัตถุ และทางจิต.
14.2 สามารถให้เป็นบันไดนำไปสู่วิสังขาร (นิพพาน).
15. อาทีนวะ : สังขารโดยอาทีนวะ :
15.1 สังขาร เป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวง.
15.2 สังขาร (คือการตกอยู่ใต้อำนาจของสังขาร) เป็นทุกข์อย่างยิ่ง ; ไม่ว่าเป็นสังขารประเภทไหน.
15.3 ขึ้นชื่อว่าสังขารย่อมกัดเจ้าของ (ผู้เข้าไปยึดถือว่าตัวตน หรือของตน) อย่างไม่เลือกหน้า.
16. นิสสรณะ : สังขารโดยนิสสรณะ :
นัยที่ 1 : บุคคลไม่ต้องออกจากสังขาร เพียงแต่ออกจากอำนาจของสังขาร : คืออาศัยสังขารฝ่ายวิชชา เพื่อออกมาเสียจากอำนาจของสังขารฝ่ายอวิชชา. (การปฏิบัติธรรม เช่น อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นสังขารฝ่ายวิชชา ; เพื่ออกมาเสียจากทุกข์ ซึ่งเป็นสังขารอวิชชา) นี้เรียกว่าอาศัยสังขาร ออกจากอำนาจของสังขาร; ทำนองหนามยอกหนามบ่ง.
นัยที่ 2 : บุคคลไม่พึงเห็นว่าสังขารเป็นอกุศล (บาปหรือชั่ว) โดยส่วนเดียว : เป็นกุศลก็มี ; เป็นอัพยากฤตก็มี ; เป็นตัวปัญหาเสียเองก็ได้ ; เป็นตัวแก้ปัญหาให้แก่กันและกันก็ได้ ; นี้คือสังขาร เป็นนิสสรณะแก่สังขาร.
17.ทางปฏิบัติ : สังขารโดยทางปฏบัติ : เพื่อออกจากอำนาจของสังขาร :
17.1 การศึกษาให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าสังขาร, โดยถูกต้องและสิ้นเชิง ว่ามีกี่อย่าง แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่อะไร.
17.2 การมีสติควบคุมไม่ให่เกิดสังขารฝ่ายอวิชชา (การปรุงแต่ง) ; ในขณะที่มีการกระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ.
17.3 การดำเนินชีวิตอยู่ด้วยอริยอัฏฐังติกมรรคนั้นแหละ เป็นการควบคุมสังขาร, การใช้สังขารฝ่ายวิชชา แก้ปัญหาทั้งหลายของสังขารทั้งหลายฝ่ายอวิชชา อยู่อย่างครบถ้วน.
18. อานิสงส์ : สังขารโดยอานิสงส์ :
18.1 ช่วยให้เกิดชีวิตและการสืบต่อแห่งชีวิตอยู่ได้; นั้นคือ ให้กิดกระแสแห่งวิวัฒนาการของจักรวาล.
18.2 สังขารฝ่ายวิชามีอานิสงส์ ในหารแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกี่ยว กับสังขารฝ่ายอวิชชา ; มนุษย์จึงรอดอยู่ได้.
19. หนทางถลำ : สังขารโดยหนทางถลำ :
19.1 เข้าไปสู่อำนาจของสังขาร : คือ อวิชชา และความประมาท.
19.2 ออกจากอำนาจของสังขาร : คือ วิชชา และความไม่ประมาท ; หรือเรียกว่า การเป็นอยู่โดยอริยอัฏฐังคิกมรรค.
20. สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : สังขารโดยสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง :
20.1 เพื่อมีความง่ายในการตกอยู่ใต้อำนาจของสังขาร : คือความหลงใหลมัวเมา จนตกเป็นทาสของอัสสาทะแห่งสังขารนั่นเอง.
20.2 เพื่อมีความง่ายในการออกจากอำนาจของสังขาร : คือ ความรู้เท่าทันจนไม่หลงใหลบูชาในอัสสาทะของสังขารทั้งหลาย แม้สิ่งที่เรียกว่ามหากุศล.
21. ภาษาคน - ภาษาธรรม : สังขารโดยภาษาคน - ภาษาธรรม :
21.1 ภาษาคน : ร่างกาย.
ภาษาธรรม : การปรุงแต่งให้เกิดสิ่งใหม่.
21.2 ภาษาคน : สิ่งที่น่ารักน่าถนอม.
ภาษาธรรม : สิ่งที่ไม่น่าเอา ไม่น่าเป็น.
ธรรมโฆษณ์ที่แนะนำให้อ่าน
1.ธรรมบรรยายต่อหางสุนัข
2. ธรรมะเล่มน้อย
3. ฟ้าสางๆ ตอน 1