[Font : 15 ]
| |
อริยสัจจธรรมรวมอยู่ในธรรมที่ใครค้านไม่ได้

ภิกษุ ท.! ธรรมนี้นี่แล อันเราแสดงแลว เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได.

ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลว เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได เปนอยางไรเลา ?

....(ทรงแสดง ธาตุ 6) ....

.... (ทรงแสดง ผัสสายตนะ 6) ....

.... (ทรงแสดง มโนปวิจาร 18) ....

ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลววา "เหลานี้ คือ อริยสัจทั้งหลาย 4 ประการ" ดังนี้เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายข่มขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได.

....ฯลฯ.... ....ฯลฯ....

ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลววา "เหลานี้ คืออริยสัจทั้งหลาย 4 ประการ" ดังนี้เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายข่มขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได. ขอนี้เป็นธรรมที่เรากลาวแลวอยางนี้เราอาศัยซึ่งอะไรเลา จึงกลาวแล้วอย่างนี้ ? ภิกษุ ท.! เพราะอาศัยซึ่งธาตุทั้งหลาย 6 ประการ การกาวลงสูครรภยอมมี; เมื่อการกาวลงสูครรภ มีอยู, นามรูปยอมมี; เพราะมีนามรูปเปนปจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ; เพราะมีผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนาภิกษุ ท.! เรายอมบัญญัติวา "นี้เปนความทุกข" ดังนี้; วา "นี้เปนทุกขสมุทัย" ดังนี้; วา" นี้ เปนทุกขนิโรธ" ดังนี้; วา" นี้ เปนทุกขนิโรธคามินี-ปฏิปทา" ดังนี้; แกสัตวผูสามารถเสวยเวทนา.

ภิกษุ ท.! ทุกขอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? แมความเกิด ก็เปนทุกข, แมความแก ก็เปนทุกข, แมความตาย ก็เปนทุกข, แมโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ก็เปนทุกข, การประสบกับสิ่งไมเปนที่รัก เปนทุกข ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก เปนทุกข, ปรารถนาสิ่งใดแลวไมไดสิ่งนั้น นั่นก็เปนทุกข : กลาวโดยยอ ปญจุปาทานขันธทั้งหลาย เปนทุกข. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขอริยสัจ.

ภิกษุ ท.! ทุกขสมุทยอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? เพราะมีอวิชชาเปนปจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย; เพราะมีสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ; เพราะมีวิญญาณเปนปจจัย จึงมีนามรูป; เพราะมีนามรูปเปนปจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ; เรามีผัสสะเปนปจจัยจึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเปนปจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเปนปจจัยจึงมีอุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเป็นปจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเปนปจจัยจึงมีชาติ; เพราะมีชาติเปนปจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถวน : ความเกิดขึ้นพรอมแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. ภิกษุ ท.! นี้ เรากลาววา ทุกขสมุทยอริยสัจ.

ภิกษุ ท.! ทุกขนิโรธอริยสัจ เปนอยางไรเลา? เพราะความจางคลายดับไปโดยไมเหลือแหงอวิชชานั้นนั่นเทียว. จึงมีความดับแหงสังขาร; เพราะมีความดับแหงสังขาร จึงมีความดับแหงวิญญาณ; เพราะมีความดับแหงวิญญาณ จึงมีความดับแหงนามรูป; เพราะมีความดับแหงนามรูป จึงมีความดับแหงสฬายตนะ; เพราะมีความดับแหงสฬายตนะ จึงมีความดับแหงผัสสะ; เพราะมีความดับแหงผัสสะ จึงมีความดับแหงเวทนา; เพราะมีความดับแหงเวทนา จึงมีความดับแหงตัณหา; เพราะมีความดับแหงตัณหา จึงมีความดับแหงอุปาทาน; เพราะมีความดับแหงแหงอุปาทาน จึงมีความดับแหงภพ; เพราะมีความดับแหงภพ จึงความดับแหงชาติ; เพราะมีความดับแหงชาตินั่นแลชรามรณะ โสกะปริเทวะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววาทุกขนิโรธอริยสัจ.

ภิกษุ ท.! ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? มรรคอันประเสริฐ ประกอบดวยองค 8 ประการ นี้นั่นเอง กลาวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติสัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.

ภิกษุ ท.! ขอที่วา "ธรรมอันเราแสดงแลววา 'เหลานี้ คืออริยสัจทั้งหลาย 4 ประการ' ดังนี้ เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมไดทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได" ดังนี้ อันใด อันเรากลาวแลว; ขอนั้น เรากลาวหมายถึงขอความดังกลาวมานี้ แล.

- ติก. อํ. 20/225/501.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง