[Font : 15 ]
| |
ตรัสว่า เรื่องปฏิจจสมุปบาทเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์

ตรัสว่า เรื่องปฏิจจสมุปบาทเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์PTC104

ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อเสด็จประทับอยู่ในที่หลีกเร้นแห่งหนึ่งแล้ว ได้กล่าวธรรมปริยายนี้ (ตามลำพังพระองค์) ว่า:-

(1) “เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;

เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ;

เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ;

เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ;

เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงมีขึ้นพร้อม : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้

(ข้อความเต็มในกรณีแห่งหู ก็มีอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งตา ทุกตัวอักษร ต่างกันแต่ชื่อ ในกรณีแห่งจมูก ลิ้น กาย ก็มีนัยเดียวกัน. ในกรณีแห่งมโน จะเขียนเต็มอีกครั้งหนึ่ง.)

(2) เพราะอาศัยหูด้วย เสียงทั้งหลายด้วย จึงเกิดโสตวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (หู+เสียง+โสตวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

…ฯลฯ... …ฯลฯ...

…ฯลฯ... …ฯลฯ... ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้

(3) เพราะอาศัยจมูกด้วย กลิ่นทั้งหลายด้วย, จึงเกิดชิวหาวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

…ฯลฯ... …ฯลฯ...

ฯลฯ … … ฯลฯ … ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้

(4) เพราะอาศัยลิ้นด้วยรสทั้งหลายด้วย, จึงเกิดชิวหาวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

ฯลฯ … … ฯลฯ …

ฯลฯ … … ฯลฯ … ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้

(5) เพราะอาศัยกายด้วย โผฏฐัพพะทั้งหลายด้วย, จึงเกิดกายวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (กาย+โผฏฐัพพะ+กายวิญญาณ) นั้นคือ ผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

ฯลฯ … … ฯลฯ …

ฯลฯ … … ฯลฯ … ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้

(6) เพราะอาศัยใจด้วย, ธัมมารมณ์ทั้งหลายด้วย, จึงเกิดมโนวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (ใจ+ธัมมารมณ์+มโนวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;

เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ;

เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ;

เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ ;

เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงมีขึ้นพร้อม : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

..... ...... ...... .....

(1) เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรมสามประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;

พราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้น จึงมีความดับแห่งอุปาทาน;

เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ;

เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ;

เพราะมีความดับแห่งชาติ ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

(ข้อความเต็มในกรณีแห่งหู ก็มีอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งตา ทุกตัวอักษร ต่างกันแต่ชื่อในกรณีแห่ง จมูก ลิ้น กาย ก็มีนัยเดียวกัน. ในกรณีแห่ง มโน จะเขียนเต็มอีกครั้งหนึ่ง.)

(2) เพราะอาศัยหูด้วย เสียงทั้งหลายด้วย จึงเกิดโสตวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (หู+เสียง+โสตวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

...ฯลฯ... ...ฯลฯ…..

...ฯลฯ... ...ฯลฯ….. ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

(3) เพราะอาศัยจมูกด้วย กลิ่นทั้งหลายด้วย, จึงเกิดฆานวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

...ฯลฯ... ...ฯลฯ…..

...ฯลฯ... ...ฯลฯ….. ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

(4) เพราะอาศัยลิ้นด้วย รสทั้งหลายด้วย, จึงเกิดชิวหาวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (ลิ้น+รส+ซิวหาวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

...ฯลฯ... ...ฯลฯ…..

...ฯลฯ... ...ฯลฯ….. ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

(5) เพราะอาศัยกายด้วย โผฏฐัพพะทั้งหลายด้วย, จึงเกิดกายวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (กาย+โผฏฐัพพะ+กายวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ;

...ฯลฯ... ...ฯลฯ…..

...ฯลฯ... ...ฯลฯ….. ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

(6) เพราะอาศัยใจด้วย, ธัมมารมณ์ทั้งหลายด้วย, จึงเกิดมโนวิญญาณ ; การประจวบแห่งธรรม 3 ประการ (ใจ+ธัมมารมณ์+มโนวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;

เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา

เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;

เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้น จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ;

เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ;

เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ;

เพราะมีความดับแห่งชาติ ชรามรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้"

สมัยนั้น ภิกษุองค์หนึ่ง ได้ยืนแอบฟังพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่, พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรภิกษผู้ยืนแอบฟังนั้นแล้ว ได้ทรงกล่าวกะภิกษุนั้นว่า "ดูก่อนภิกษุ ! เธอได้ยินธรรม ปริยายนี้แล้วมิใช่หรือ ?"

"ได้ยิน พระเจ้าข้า !"

"ดูก่อนภิกษุ ! เธอจงรับเอาธรรมปริยายนี้ไป. ดูก่อนภิกษุ ! เธอจงเล่าเรียนธรรมปริยายนี้. ดูก่อนภิกษุ ! เธอจงทรงไว้ซึ่งธรรมปริยายนี้. ดูก่อน ภิกษุ ! ธรรมปริยายนี้ประกอบด้วยประโยชน์, เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์" ดังนี้ แล


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ