ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
(เรื่องตอนต้นของเรื่องนี้ ต่อเป็นเรื่องเดียวกับตอนต้นของเรื่องก่อน)
ภิกษุ ท.! ในบรรดาลัทธิทั้งสามนั้น สมณพราหมณ์พวกใดมีถ้อยคำและความเห็นว่า "บุคคลได้รับสุขหรือทุกข์ หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะการนิรมิตบันดาลของผู้ที่เป็นเจ้าเป็นนาย (อิศวร)" ดังนี้มีอยู่ เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว สอบถามความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว เรากล่าวกะเขาว่า "ถ้ากระนั้น (ในบัดนี้) คนที่ฆ่าสัตว์ ...ลักทรัพย์ ...ประพฤติผิดพรหมจรรย์ ...พูดเท็จ ...พูดยุให้แตกกัน ...พูดคำหยาบ ...พูดเพ้อเจ้อ ...มีใจละโมบเพ่งเล็ง ...มีใจพยาบาท มีความเห็นวิปริต เหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่นั่นก็ต้องเป็นเพราะการนิรมิตบันดาลของผู้เป็นเจ้าเป็นนายด้วย. ก็ เมื่อมัวแต่ถือเอาการนิรมิตบันดาลของผู้ที่เป็นเจ้าเป็นนาย มาเป็นสาระสำคัญดังนี้แล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่มีความอยากทำ หรือความพยายามทำ ในข้อที่ว่า สิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำอีกต่อไป. เมื่อกรณียกิจและอกรณียกิจ ไม่ถูกทำ หรือถูกละเว้นให้จริงๆ จังๆ อันแล้ว คนพวกที่ไม่มีสติคุ้มครองตนเหล่านั้น ก็ไม่มีอะไรที่จะมาเรียกตนว่าเป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้." ดังนี้.
ภิกษุ ท.! นี้แล แง่สำหรับข่มอย่างเป็นธรรม แก่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้มีถ้อยคำและความเห็นเช่นนั้น แง่ที่สอง.
- บาลี มหาวรรค ติก. อํ. 20/223/501. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.