[Font : 15 ]
| |
การข่มลิจฉวีบุตร ผู้มัวเมาในปาฏิหาริย์ |  

ภัคควะ! คราวหนึ่ง เราอยู่ที่ศาลามีรูปเหมือนเรือนยอด ที่ป่ามหาวันใกล้นครเวสาลี. ครั้งนั้น นักบวชเปลือย (อเจละ) ชื่อ กฬารมัชฌกะอาศัยอยู่ ณ เมืองเวสาลี ถึงแล้วด้วยลาภและยศเหลือล้น อยู่ในบ้านวัชชีคาม, เพราะนักบวชผู้นั้น สมาทานวัตตบท 7 ประการ อย่างเต็มที่คือ:-

1. ข้าพเจ้า จักเป็นคนเปลือยตลอดชีวิต ไม่นุ่งห่มผ้า.

2. ข้าพเจ้า จักเป็นพรหมจารี ไม่เสพเมถุน จนตลอดชีวิต.

3. ข้าพเจ้า จักมีชีวิตอยู่ด้วยสุราและเนื้อ ไม่บริโภคข้าวสุกและขนมสดจนตลอดชีวิต.

4. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินอุเทนเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศตะวันออก.

5. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินโคตมกเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศใต้.

6. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินสัตตัมพเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศตะวันตก.

7. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินพหุปุตตกเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศเหนือ.

ภัคควะ ! ครั้งนั้น สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร เข้าไปหาอเจละกฬารมัชฌกะถึงที่อยู่ แล้วถามปัญหา, อเจละผู้นั้นถูกถามแล้ว ไม่อาจตอบ ก็แสดงความโกรธโทสะ และความไม่ยินดีด้วย ให้ปรากฎขึ้น.

ภัคควะ ! ครั้งนั้น สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร มีความคิดว่า "เราได้รบกวนพระอรหันตสมณะ ผู้ดีงามเสียแล้ว ขออย่าเป็นไปเพื่อความทุกข์ ความไม่เกื้อกูลแก่เรา ตลอดกาลนานเลย" ดังนี้แล้ว ได้เข้าไปหาเรา ไหว้แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง. เราได้กล่าวกะสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ว่า "โมฆบุรุษ! ท่านเป็นสมณสากยบุตติย์ จักต้องสำนึกตัวไว้" ดังนี้.

"พระองค์ผู้เจริญ! ทำไมพระองค์จึงได้ตรัสดังนั้นเล่า?" สุนักขัตตะลิจฉวีบุตร ได้ย้อนถามเรา.

"สุนักขัตตะ! เธอได้เข้าไปถามปัญหากะอเจละกฬารมัชฌกะ, อเจละกฬารมัชฌกะตอบไม่ได้ แล้วแสดงความโกรธ โทสะ และความไม่ยินดีด้วยให้ปรากฎ,เธอยังคิดว่า เราได้รบกวนพระอรหันต์ผู้ดี งามเสียแล้ว ขออย่าเป็นไปเพื่อความทุกข์ไม่เกื้อกูลแก่เรา ตลอดกาลนาน ดังนี้, มิใช่หรือ?"

"จริงอย่างนั้น, พระองค์! แต่ว่าทำไมพระผู้มีพระภาคจึงทรงหวงพระอรหัตตคุณเล่า?"

"โมฆบุรุษ! เรามิได้หวงพระอรหัตตคุณดอก แต่ว่าทิฏฐิลามกของเธอมีอยู่ เธอจงละมันเสีย จงอย่าเป็นไปเพื่อทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เธอตลอดกาลนาน.สุนักขัตตะ! ข้อที่เธอสำคัญว่า กฬารมัชฌกะ เป็นอรหันตสมณะผู้ดีงามนั้นในไม่นานดอก กฬารมัชฌกะจักนุ่งผ้า มีภรรยาตามหลังเที่ยวไป, บริโภคข้าวสุก, และขนมสด ล่วงเกินเจดีย์ ในเมืองเวสาลีทุกๆ แห่ง เสื่อมจากลาภและยศทำกาละแล้ว".

ภัคควะ ! ต่อมาไม่นาน (เหตุการณ์เป็นไปดั่งเราพยากรณ์), สุนักขัตตะลิจฉวีบุตร (ทราบเรื่องแล้ว) ได้เข้าไปหาเราถึงที่อยู่ ไหว้แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรภัคควะ ! เราได้ถามสุนักขัตตะนั้นว่า ข้อใดที่เราพยากรณืไว้ ข้อนั้นเป็นดังนั้นหรือเป็นโดยประการอื่น?

"พระองค์ผู้เจริญ ! เป็นดั่งนั้น มิได้เป็นโดยประการอื่น"

"เมื่อเช่นนั้น เป็นอันว่า เราทำอุตตริมนุสสธรรม อิทธิหาฏิหาริย์หรือมิได้ทำ?"

"พระองค์ผู้เจริญ! เป็นอันว่าทำแล้ว, หาใช่มิได้ทำไม่".

โมฆบุรุษ ! ท่านจงเห็นความผิดของตัวเถิด".

ภัคควะ ! สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร, เมื่อเรากล่าวอยู่อย่างนี้ ได้หลีกไปแล้ว จากธรรมวินัยของเรา เหมือนสัตว์นรก ผู้หาความเจริญมิได้.

- บาลี ปาฏิกสูตร ปา. ที. 11/9/5. ตรัสแก่ปริพพาชกผู้ภัคควโคตร ที่อารามของเขา, ปรารภกันถึงเรื่องสุนักขัตต์ ลิจฉวีบุตร ยกเรื่องหาว่าถ้าพระองค์ไม่แสดงปาฏิหาริย์จะไม่อยู่ประพฤติพรหมจรรย์ด้วย, แต่พระองค์ไม่ทรงทำตามขอ เพราะไม่ได้สัญญากันว่ามาประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อดูปาฏิหาริย์. แต่ที่แท้ ปาฏิหาริย์ ย่อมมีตามธรรมดาบ่อยๆ.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง