ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
1. พยัญชนะ : อัตตาโดยพยัญชนะ : คือ ตน.
2. อรรถะ : อัตตาโดยอรรถะ : คือ ความรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเป็นตัวกู “ผู้” ที่ จะกระทำกิริยาอาการทุกอย่างที่จะพึงกระทำได้; เช่น การกิน, การนอน, การไป, การมา, การอยู่, การตาย ฯลฯ
3. ไวพจน์ : อัตตาโดยไวพจน์ : คือ เจตภูต, ชีโว, บุรุษ, บุคคล, อาตมัน ฯลฯ
4. องค์ประกอบ : อัตตาโดยองค์ประกอบ :
1. ธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง รูปก็ได้ นามก็ได้ ซึ่งจะเป็นที่ตั้งแห่งความรู้สึกว่าตัวตน.
2. ความเข้าใจผิดหรือความหลงผิด อันเกิดมาจากอวิชชาอุปาทาน ที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นตัวตน.
3. สัญชาตญาณของสิ่งที่มีชีวิต ซึ่งจะต้องเกิดความรู้สึกว่าตัวตนอยู่เองเป็นธรรมดา; มาประกอบกันเข้ากับความเห็นผิด ที่ทำให้เกิดอุปาทานว่าตัวตน.
สรุปความว่า ตัวตนโดยสัญชาตญาณก็มี ตัวตนของมิจฉาทิฏฐิที่เกิดจากอวิชชาในตอนหลังนี้ ก็มี.
5. ลักษณะ : อัตตาโดยลักษณะ : มีลักษณะ :
5.1 มิใช่ตัวตน แต่ถูกสำคัญว่าเป็นตัวตน.
5.2 หลอนหลอกให้เข้าใจว่าเป็นตัวตน.
5.3 ที่ชวนให้เกิดความรู้สึกเห็นแก่ตน ; ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งกิเลสทั้งหลาย.
6. อาการ : อัตตาโดยอาการ : มีอาการ :
6.1 ยึดเอาสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องว่าเป็นของตน (อัตตนียา).
6.2 แห่งความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวตน (อหังการ) บ้าง ; ว่าเป็นของตน (มมังการ) บ้าง.
7. ประเภท : อัตตาโดยประเภท :
7.1 แบ่งโตยประเภทหนึ่ง : อัตตาในภาษาพูด : หมายถึง ความเป็นชิ้นเป็นอันที่ถือเอาเป็นประโยชน์ได้ ไม่เหลวแหลก.
7.2 แบ่งโดยประเภทสาม :
1. อัตตาของสัญชาตญาณ.
2. อัตตาของมิจฉาทิฏฐิ เรียกว่า อัตตานุทิฏฐิ.
3. อัตตาของอุปาทาน เรียกว่า อัตตวาทุปาทาน.
8. กฎเกณฑ์ : อัตตาโดยกฎเกณฑ์ :
8.1 เกิดจากอวิชชาอุปาทานเป็นคราวๆ ของเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด.
8.2 เกิดแล้วก็เกิดความเห็นแก่ตัว อันเป็นที่ตั้งแห่งกิเลสทั้งหลาย.
8.3 เกิดเป็นอัตตาหรืออัตตนียาก็ตามในสิ่งใด ; ย่อมเกิดภาระหนักแก่จิตใจในสิ่งนั้น.
8.4 การหมดความยึดมั่นว่าอัตตา เป็นความหลุดพ้นของจิต เรียกว่า จุดหมายปลายทางแห่งพรหมจรรย์ในพุทธศาสนา.
9. สัจจะ : อัตตาโดยสัจจะ :
9.1 ความรู้สึกว่าอัตตา (ตัวตน) เป็นความรู้สึกที่ต้องมีและได้มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ สำหรับสิ่งที่มีชีวิตจิตใจ.
9.2 ความรู้สึกว่าตัวตนนี้มีอยู่ตามธรรมชาติแล้วส่วนหนึ่ง ; แต่ก็ได้รับการเน้นความหมายนี้ให้มากยิ่งขึ้น ด้วยอำนาจของอวิชชาอุปาทาน; ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังนี้อีกส่วนหนึ่ง ; รวมเข้าด้วยกันทั้งสองส่วน จึงมีความหมายหนักแน่นถึงที่สุด เป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวง.
9.3 ความรู้สึกว่าตัวตนโดยธรรมชาติแห่งสัญชาตญาณ หรือความรู้สึกที่เพิ่มขึ้นใหม่ด้วยอวิชชาอุปาทานก็ดี; เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงและจริงสำหรับจะเป็นทุกข์.
9.4 สิ่งที่เรียกกันว่าตัวตนนั้นเป็นเพียงความรู้สึกไปตามอำนาจของอวิชชามิได้เป็นตัวเป็นตนที่แท้จริง ; จึงเป็นตัวตนที่เป็นเพียงมายา มิว่าจะโดยสัญชาตญาณ หรือโดยความรู้สึกคิดนึกเฉพาะเรื่อง.
9.5 เมื่อตัวตนเป็นผลิตผลของอวิชชา จึงมีการเกิด - ดับไปตามอำนาจของอวิชชา ; หามีความจีรังยั่งยืนในตัวมันเองแต่อย่างใดไม่.
9.6 ความไม่จริงของสิ่งที่ไม่จริง ก็เป็นความจริงของสิ่งนั้น คือมีความจริงของสิ่งที่มิใช่ความจริง, สิ่งที่เรียกว่า “อัตตา” ก็มีความจริงในลักษณะอย่างนี้.
9.7 มนุษย์รู้ความจริงของอัตตา เพียงเพื่อกำจัดความรู้สึกว่า “อัตตา” เสียได้ ก็พอแล้ว.
10. หน้าที่ : อัตตาโดยหน้าที่ :
นัยที่ 1 : หน้าที่ (โดยสมมติ) ของอัตตา : คือ เป็นฐานรองรับแห่งความมีชีวิตโดยสัญชาตญาณ.
นัยที่ 2 : หน้าที่ของมนุษย์ผู้หวังความดับทุกข์ต่ออัตตา : คือ การพยายามกระทำมิให้มีความรู้สึกว่า “อัตตา”; แม้ปากยังมีความจำเป็นจะต้องพูดว่า “ตัวฉัน - ของฉัน”.
11. อุปมา : อัตตาโดยอุปมา : เปรียบเสมือน :
11.1 สัตว์ที่กัดเจ้าของ.
11.2 ก้อนหินหนัก.
11.3 หญิงแพศยา.
11.4 งูที่ถูกเห็นเป็นปลา.
12. สมุทัย : อัตตาโดยสมุทัย :
12.1 เกิดจากความรู้สึกของสัญชาตญาณตามธรรมชาติ.
12.2 มาจากตัณหา, มิจฉาทิฏฐิ, อุปาทาน ซึ่งล้วนแต่มีจุดตั้งต้นที่อวิชชา.
12.3 การอบรมสั่งสอนให้มีความเชื่อว่ามีอัตตา.
13. อัตถังคมะ : อัตตาโดยอัตถังคมะ :
13.1 ความดับไปตามคราวเพราะขาดเหตุปัจจัยตามธรรมดาของสังขตธรรมหรือสังขารธรรมทั้งหลาย.
13.2 เมื่อสติมาทันในขณะที่จะเกิดตัณหาอุปาทาน.
13.3 เมื่อปัญญาหรือสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นในกรณีนั้นๆ.
14. อัสสาทะ : อัตตาโดยอัสสาทะ :
14.1 ไม่มีความรักอันใดเสมอด้วยความรักตน.
14.2 ความรักตน, เมาตน, หลงตน, บ้าตน, ที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดความสำเร็จแก่ตน ; ทั้งที่เป็นไปในอดีตและจักมีในอนาคต.
14.3 ความพอใจที่เกิดแก่ตนทุกชนิด ทุกระดับ ทุกความหมาย
15. อาทีนวะ : อัตตาโดยอาทีนวะ :
15.1 เป็นบ่อเกิดแห่งความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดกิเลสและความทุกข์ หรือปัญหาทุกชนิด.
15.2 เป็นบ่อเกิดแห่งอหังการมมังการมานานุสัย (ความสำคัญว่า ตัวกู-ของกู ที่จะเกิดขึ้นจนกลายเป็นนิสัย); ซึ่งจะตัดได้ก็ด้วยอรหัตตมรรคญาณเท่านั้น.
16. นิสสรณะ : อัตตาโดยนิสสรณะ : หนทางออกจากอัตตา :
16.1 ศีล สมาธิ, ปัญญา, หรืออริยมรรคมีองค์แปด.
16.2 การเห็นไตรลักษณ์อย่างถูกต้องชัดแจ้งเพียงพออยู่เป็นประจำ.
16.3 อนัตตานุปัสสนาญาณแม้เพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะเป็นการออกจากอัตตา.
17. ทางปฏิบัติ : อัตตาโดยทางปฏิบัติ : ต่อสิ่งที่เรียกว่าตัวตน :
17.1 รู้จักปฏิจจสมุปบาทของสิ่งที่เรียกว่า “ตัวตน” ว่าเกิด - ดับอย่างไร.
17.2 ป้องกันไม่ให้ตัวตนเกิด คือ มีสติในขณะแห่งผัสสะและเวทนา.
17.3 ดับตัวตนที่กำลังเกิดอยู่ด้วยอำนาจของปัญญา คือ อนัตตานุปัสสนา ; มีกำลังของสมาธิ หนุนกำลังของปัญญาให้ถึงที่สุด.
18. อานิสงส์ : อัตตาโดยอานิสงส์ :
18.1 มีเฉพาะอัตตาที่ฝึกดีแล้ว : จนกระทั่งหมดความยึดมั่นถือมั่นในอัตตา ซึ่งจัดเป็นอานิสงส์สูงสุด.
18.2 ส่วนอัตตาตามสัญชาตญาณ : มีอานิสงส์เป็นเพียงที่ตั้งแห่งการดำรงชีวิตตามธรรมชาติ; ซึ่งถ้าควบคุมไม่ได้ก็กลายเป็นอัตตา อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน ; ซึ่งจะต้องได้รับการฝึกฝน ตามหลักเกณฑ์ของธรรมต่อไปอีกนั่นเอง.
สรุปความว่า : อัตตามีอานิสงส์เฉพาะแต่เมื่อไม่ถูกยึดถือว่าตัวตน เป็นเพียงที่ตั้งแห่งชีวิต ที่ตั้งแห่งการศึกษาฝึกฝนปฏิบัติธรรม จนหมดความรู้สึกว่าอัตตา.
19. หนทางถลำ : อัตตาโดยหนทางถลำ : เข้าไปสู่ความมีอัตตา :
19.1 ขาดสติในการรับอารมณ์.
19.2 ความไม่รู้เท่าทันโลกซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนหลอกลวง (โดยเฉพาะแห่งยุคปัจจุบัน).
20. สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : อัตตาโดยสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง :
นัยที่ 1 : ในการเกิดอัตตา : คือ การขาดสติ, ปัญญา, สัมปชัญญะ.
นัยที่ 2 : ในการไม่เกิดอัตตา : คือ การมีสติ, ปัญญา, สัมปชัญญะ.
21. ภาษาคน - ภาษาธรรม : อัตตาโดยภาษาคน - ภาษาธรรม :
21.1 ภาษาคน : ตัวตนตามความรู้สึกว่ามีอยู่เช่นนั้นจริงตามสัญชาตญาณ หรือตามความรู้สึกของผู้ไม่ รู้ธรรม.
ภาษาธรรม : ตัวตนของผู้รู้ธรรม คือ รู้ว่ามิใช่ตัวตนอันแท้จริง; เป็นเพียงความรู้สึกด้วยอำนาจของอวิชชา ; ซึ่งจะต้องทำลายให้หมดไป.
21.2 ภาษาคน : คือ งูที่ถูกเห็นเป็นปลา.
ภาษาธรรม : คือ งูที่เห็นเป็นงู.
ธรรมโฆษณ์ที่แนะนำให้อ่าน
1. ธรรมปาฏิโมกข์ เล่ม 1
2. ธรรมะกับสัญชาตญาณ
3. อะไรคืออะไร ?