ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
สารีบุตร! แม้เราจะพึงแสดงธรรมโดยย่อก็ตาม โดยพิสดารก็ตาม ทั้งโดยย่อและพิสดารก็ตาม, ผู้รู้ธรรม ก็ยังมีได้โดยอยากอยู่นั่นเอง.
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า! ถึงเวลาแล้ว, ข้าแต่พระสุคตเจ้า! ถึงเวลาสมควรแล้ว ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะพึงแสดงธรรมโดยย่อก็ตาม โดยพิสดารก็ตาม ทั้งโดยย่อและพิสดารก็ตาม, ผู้รู้ธรรมจักมีเป็นแน่" ท่านพระสารีบุตร กราบทูลขอร้อง.
สารีบุตร! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ เธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า "อหังการ (ความถือว่าเรา) มมังการ (ความถือว่าของเรา) อันเป็นมานานุสัย (กิเลสที่สะสมอยู่ในสันดานคือมานะ) จักต้องไม่เกิดขึ้น เพราะเหตุแห่งกายอันมีวิญญาณนี้, และจักต้องไม่เกิดขึ้น เพราะเหตุแห่งสิ่งอื่นที่เห็นอยู่ในกายนอกทั้งสิ้น; ก็เมื่อภิกษุเข้าถึง เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันใดอยู่ อหังการ มมังการ อันเป็นมานานุสัยจักไม่มี, เราทั้งหลาย จักเข้าถึงเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันนั้นแล้วแลอยู่" ดังนี้ สารีบุตร! เธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้เถิด.
สารีบุตร! เมื่อใดแล ภิกษุ ไม่มีอหังการ มมังการ อันเป็นมานานุสัย อันเกิดขึ้นเพราะเหตุแห่งกายอันมีวิญญาณนี้, และไม่มีอหังการ มมังการ อันเป็นมานานุสัย อันเกิดขึ้นเพราะเหตุแห่งสิ่งอื่นที่เห็นอยู่ในภายนอกทั้งสิ้น; และเมื่อเธอเข้าถึง เจโตวิมุตติปัญญาวิมุติ อันใดอยู่ อหังการ มมังการ อันเป็นมานานุสัย จักไม่มี, เธอเข้าถึง เจโตวิมุตติปัญญวิมุติ อันนั้นแล้ว แลอยู่; สารีบุตร! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า ตัดตัณหาได้แล้ว, รื้อสัญโญชน์เสียแล้ว, ทำที่สุดแห่งทุกข์ด้ เพราะจักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว
- บาลี พระพุทธภาษิต ติก. อํ. 20/170/472. ตรัสแก่ท่านพระสารีบุตรเถระ.