[Font : 15 ]
| |
ยังมีพวกบริโภคกาม โดยไม่จมกาม |  

ภิกษุ ท.! กามคุณเหลานี้มี 5 อยาง. 5 อยางเปนอยางไรเลา ? หาอยางคือ รูปที่เห็นดวยตา, เสียงที่ฟงดวยหู, กลิ่นที่ดมดวยจมูก, รสที่ลิ้มดวยลิ้น, และโผฏฐัพพะที่สัมผัสดวยผิวกาย, อันเปนสิ่งที่นาปรารถนา นารักใครนาพอใจ มีลักษณะนารัก เปนที่เขาไปตั้งอาศัยอยูแหงความใคร เปนที่ตั้งแหงความกําหนัด. ภิกษุ ท.! กามคุณมี 5 อยางเหลานี้แล

ภิกษุ ท.! ชนเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณก็ตาม ติดอกติดใจ สยบอยู เมาหมกอยู ในกามคุณ 5 อยางเหลานี้แลว ไมมองเห็นสวนที่เปนโทษ ไมเปนผูรูแจมแจงในอุบายเปนเครื่องออกไปจากทุกข ทําการบริโภคกามคุณทั้ง 5 นั้นอยู; ชนเหลานั้น อันคนทั้งหลายพึงเขาใจเถิดวา เปนผูถึงความพินาศยอยยับ แลวแตมารผูมีบาปตองการจะทําตามอําเภอใจอยางใด ดังนี้.ภิกษุ ท.! เปรียบไดดังเนื้อปาที่ติดบวง นอนจมอยูในกองบวง ในลักษณะที่ใคร ๆ พึงเขาใจไดวา มันจะถึงซึ่งความพินาศยอยยับ เปนไปตามความประสงคของพรานทุกประการ, เมื่อพรานมาถึงเขา มันจะหนีไปไหนไมพนเลย ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น.

ภิกษุ ท.! สวนชนเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณก็ตาม ไมติดใจ ไมสยบอยู ไมเมาหมกอยู ในกามคุณ 5 เหลานี้แลว มองเห็นสวนที่เปนโทษอยู เปนผูรูแจมแจงในอุบายเปนเครื่องออกไปจากทุกข บริโภคกามคุณทั้ง 5 นั้นอยู; ชนเหลานั้น อันคนทั้งหลายพึงเขาใจไดอยางนี้วา เปนผูไมถึงความพินาศยอยยับไปตามความประสงคของมารผูมีบาปแตอยางใด ดังนี้. ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนเนื้อปาตัวที่ไมติดบวง แมนอนจมอยูบนกองบวง มันก็เปนสัตวที่ใคร ๆ พึงเขาใจไดวาเปนสัตวที่ไมถึงความพินาศยอยยับไปตามความประสงคของพรานแตอยางใด, เมื่อพรานมาถึงเขามันจะหลีกหนีไปไดตามที่ตองการ ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น.

ภิกษุ ท.! (อีกอยางหนึ่ง) เปรียบเหมือนเนื้อปา เที่ยวไปในปากวาง เดินอยูก็สงางาม ยืนอยูก็สงางาม หมอบอยูก็สงางาม นอนอยูก็สงางาม. เพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะเหตุวาเนื้อปานั้นยังไมมาสูคลองแหงจักษุของพราน, ขอนี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน : สงัดแลวจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย เขาถึงซึ่งปฐมฌาณ อันมีวิตกวิจาร มีปติและ สุขอันเกิดแตวิเวก แลวแลอยู. ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้ เรากลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอย กําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ที่มารผูมีบาปมองไมเห็น.

(ตอไปนี้ไดตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาณ-ติตยฌาน-จตุตถฌาน-อากาสนัญจายตนะวิญญาณกัญจายตนะ-อากิญจัญญายตนะ-เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยนัยเดียวกันกับการบรรลุปฐมฌาน เปนลําดับไป. จนกระทั่งถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ โดยขอความสืบตอไปวา :-)

ภิกษุ ท.! ยิ่งไปกวานั้นอีก : ภิกษุกาวลวงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึงซึ่ง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู. อนึ่ง เพราะเห็นแลวดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ. ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้เรากลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอย กําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมารไปแลวสูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น, ไดขามแลวซึ่งตัณหาในโลก. ภิกษุนั้นยืนอยูก็สงางาม เดินอยูก็สงางาม นั่งอยูก็สงางาม นอนอยูก็สงางาม. เพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะเหตุวา ภิกษุนั้นไมไดมาสูคลองแหงอํานาจของมารผูมีบาป. ดังนี้แล

- มู. ม. 12/333-335/327-328.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง