[Font : 15 ]
| |
ทรงแสดงที่พึ่งไว้สำหรับเมื่อทรงล่วงลับไปแล้ว |  

อานนท์! ในกาลนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแล้วแห่งเราก็ดี ใครก็ตามจักเป็นผู้มีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ; คือมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่. อานนท์! คนเหล่านั้น จักเป็นภิกษุผู้ อยู่เหนือความมืด; ได้แก่ พวกที่มีความใคร่ในสิกขา.

อานนท์! อย่างไรเล่า เรียกว่าภิกษุผู้มีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ : มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะเป็นอยู่? อานนท์! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ตามเห็นซึ่งกายในกายมีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ นำนอกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก เป็นอยู่;เป็นผู้ ตามเห็นซึ่งเวทนาในเวทนา ท. มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก เป็นอยู่; เป็นผู้ ตามเห็นซึ่งจิตในจิต มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก เป็นอยู่; เป็นผู้ตามเห็นซึ่งธรรมในธรรม ท. มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก เป็นอยู่.

อานนท์! อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่ามีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ : มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะเป็นอยู่.

- บาลี มหาวาร. สํ. 19/205712-3, ฯลฯ. ตรัสแก่พระอานนท์ ที่เวฬุวคาม เมืองเวสาลี.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง