[Font : 15 ]
| |
อายตนะ คือ จุดตั้งต้นของปฏิจจสมุปบาท

อายตนะ คือ จุดตั้งต้นของปฎิจจสมุปบาทPTC70

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อมือทั้งหลาย มีอยู่, การจับและการวาง ก็ปรากฎ ; เมื่อเท้าทั้งหลาย มีอยู่, การก้าวไปและการถอยกลับ ก็ปรากฎ ; เมื่อข้อแขนขาทั้งหลายมีอยู่, การคู้เข้าและการเหยียดออก ก็ปรากฎ ; เมื่อท้องไส้ มีอยู่, ความหิวและความกระหาย ก็ปรากฎ ; นี้ฉันใด ; ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อจักษุ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย ; เมื่อโสตตะ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะโสตะสัมผัสเป็นปัจจัย ; เมื่อฆานะ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ; เมื่อชิวหา มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ; เมื่อกายะ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ; เมื่อมโน มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ; ฉันนั้นเหมือนกัน.

(ต่อไปนี้ เป็นปฎิปักขนัย จากข้างบน)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อมือทั้งหลาย ไม่มี, การจับและการวาง ก็ไม่ปรากฎ ; เมื่อเท้าทั้งหลาย ไม่มี, การก้าวไปและการถอยกลับ ก็ไม่ปรากฎ ; เมื่อข้อแขนขาทั้งหลายไม่มี, การคู้เข้าและการเหยียดออก ก็ไม่ปรากฎ ; เมื่อท้องไส้ไม่มี, ความหิวและความกระหาย ก็ไม่ปรากฎ นี้ฉันใด ; ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !

เมื่อจักษุ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อโสตะ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะโสตะสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อฆานะ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อชิวหา ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อกายะ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อมโน ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ; ฉันนั้นเหมือนกัน.

… … … …

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อมือทั้งหลาย มี, การจับและการวาง ก็มี ; เมื่อเท้าทั้งหลาย มี, การก้าวไปและการถอยกลับ ก็มี ; เมื่อข้อแขนขาทั้งหลายมี, การคู้เข้าและการเหยียดออก ก็มี ; เมื่อท้องไส้มี, ความหิวและความกระหาย ก็มี นี้ฉันใด ; ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !

เมื่อจักษุ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อโสตะ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะโสตะสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อฆานะ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อชิวหา มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อกายะ มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อมโน มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ย่อมเกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ; ฉันนั้นเหมือนกัน.

(ต่อไปนี้ เป็นปฎิปักขนัย จากข้างบน)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อมือทั้งหลาย ไม่มี, การจับและการวาง ก็ไม่มี ; เมื่อเท้าทั้งหลาย ไม่มี, การก้าวไปและการถอยกลับ ก็ไม่มี ; เมื่อข้อแขนขาทั้งหลายไม่มี, การคู้เข้าและการเหยียดออก ก็ไม่มี ; เมื่อท้องไส้ไม่มี, ความหิวและความกระหาย ก็ไม่มี นี้ฉันใด ; ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !

เมื่อจักษุ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อโสตะ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะโสตะสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อฆานะ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อชิวหา ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อกายะ ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ;

เมื่อมโน ไม่มี, สุขและทุกข์อันเป็นภายใน ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ; ฉันนั้นเหมือนกัน, ดังนี้แล.

หมายเหตุผู้รวบรวม : ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่าอายตนะมีจักษุเป็นต้นเป็นจุดตั้งต้นของการปรุงแต่งทุกชนิด ; ในที่นี้ได้แก่การเกิดขึ้นของเวทนา ทั้งที่เป็นสุขและเป็นทุกข์. ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะในตอนนี้ ก็เป็นที่แน่นอนว่า จะเกิดตัณหาอุปาทานเป็นลำดับไป จนเกิดทุกข์ในที่สุด.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ