[Font : 15 ]
| |
: บาปกรรมเก่าไม่อาจสิ้นด้วยทุกรกิริยา |  

มหานาม! คราวหนึ่ง เราอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้นครราชคฤห์,ครั้งนั้นพวกนิครนถ์เป็นอันมาก ประพฤติวัตรยืนอย่างเดียว งดการนั่ง อยู่ ณที่กาฬสิลา ข้างภูเขาอิสิคิลิ, ต่างประกอบความเพียรแรงกล้า เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าแข็งแสบเผ็ด.

มหานาม! ครั้งนั้นเป็นเวลาเย็น เราออกจากที่เร้นแล้วไปสู่กาฬสิลาข้างภูเขาอิสิคิลิ อันนพวกนิครนถ์ ประพฤติวัติอยู่, ได้กล่าวกะพวกนิครนถ์เหล่านั้นว่า "ท่าน ! เพราะอะไรหนอ พวกท่านทั้งหลายจึงประพฤติยืนไม่นั่งประกอบความเพียรได้รับเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าแข็งแสบเผ็ด?" ดังนี้.

มหานาม! นิครนถ์เหล่านั้นได้กล่าวกะเราว่า "ท่าน! ท่านนิครนถนาฎบุตร เป็นผู้รู้สิ่งทั้งปวง เห็นสิ่งทั้งปวง ได้ยืนยันญาณทัสสนะของตนเองโดยไม่มีการยกเว้น ว่าเมื่อเราเดินอยู่, ยืนอยู่, หลับอยู่ ตื่นอยู่ ก็ตาม ญาณทัสสนะของเราย่อมปรากฎติดต่อกันไม่ขาดสาย" ดังนี้. ท่านนิครนถนาฎบุตรนั้นกล่าวไว้ อย่างนี้ว่า "นิครนถ์ผู้เจริญ! บาปกรรมในกาลก่อนที่ได้ทำไว้ มีอยู่แล, พวกท่านจงทำลายกรรมนั้นให้สิ้นไป ด้วยทุกรกิริยาอันแสบเผ็ดนี้; อนึ่ง เพราะการสำรวม กาย วาจา ใจ ในบัดนี้ ย่อมชื่อว่าไม่ได้กระทำกรรมอันเป็นบาปอีกต่อไป. เพราะการเผาผลาญกรรมเก่าไม่มีเหลือ และเพราะการไม่กระทำกรรมใหม่ กรรมต่อไปก็ขาดสาย; เพราะกรรมขาดสาย ก็สิ้นกรรม; เพราะสิ้นกรรม, ก็สิ้นทุกข์; เพราะสิ้นทุกข์ ก็สิ้นเวทนา; เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งหมดก็เหือดแห้งไป", ดังนี้. คำสอนของท่านนาฎบุตรนั้น เป็นที่ชอบใจและควรแก่เรา, และพวกเราก็เป็นผู้พอใจต่อคำสอนนั้นด้วย" ดังนี้.

มหานาม! เราได้กล่าวคำนี้กะนิครนถ์เหล่านั้นสืบไปว่า "ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ท่านทั้งหลายรู้อยู่หรือว่า พวกเราทั้งหลาย ได้มีแล้วในกาลก่อนหรือว่ามิได้มี?"

"ไม่ทราบเลยท่าน!"

"ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ท่านทั้งหลายรู้อยู่หรือ ว่าพวกเราทั้งหลายได้ทำกรรมที่เป็นบาปแล้ว ในกาลก่อน หรือว่าพวกเราไม่ได้ทำแล้ว?"

"ไม่ทราบได้เลย, ท่าน!"

"ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ท่านทั้งหลายรู้อยู่หรือ ว่าเราทั้งหลายได้ทำกรรมที่เป็นบาป อย่างนี้ๆ ในกาลก่อน?"

"ไม่ทราบเลยท่าน!"

"ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ท่านทั้งหลายรู้อยู่หรือ ว่า (ตั้งแต่ทำตบะมา) ทุกข์มีจำนวนเท่านี้ๆ ได้สิ้นไปแล้ว และจำนวนเท่านี้ๆ จะสิ้นไปอีก, หรือว่าถ้าทุกข์สิ้นไปอีกจำนวนเท่านี้ ทุกข์ก็จักไม่มีเหลือ?"

"ไม่ทราบได้เลย, ท่าน!"

"ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ท่านทั้งหลายรู้อยู่หรือ ว่าอะไรเป็นการละเสียซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล และทำสิ่งที่เป็นกุศลให้เกิดขึ้นได้ ในภพปัจจุบันนี้?"

"ไม่เข้าใจเลย, ท่าน!"

มหานาม! เราได้กล่าวคำนี้ กะนิครนถ์เหล่านั้นสืบไปว่า "ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ดังได้

มหานาม! เราได้กล่าวคำนี้ กะนิครนถ์เหล่านั้นสืบไปว่า "ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ดังได้ฟังแล้วว่า ท่านทั้งหลาย ไม่รู้อยู่ ว่าเราทั้งหลายได้มีแล้วในกาลก่อน หรือไม่ได้มีแล้วในกาลก่อน, ...ฯลฯ. อะไรเป็นการละเสียซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล และทำสิ่งที่เป็นกุศลให้เกิดขึ้นได้ ในภพปัจจุบันนี้. ครั้นเมื่อไม่รู้อย่างนี้แล้ว (น่าจะเห็นว่า) ชนทั้งหลายเหล่าใดในโลก ที่เป็นพวกพรานมีฝ่ามือคร่ำไปด้วยโลหิต มีการงานอย่างกักขฬะ ภายหลังมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วย่อมบรรพชาในพวกนิครนถ์ทั้งหลาย ละกระมัง?"

- บาลี จูฬทุกขักขันธสูตร มู.ม. 12/184/219. ทรงเล่าแก่ท้าวมหานามสากยะ ที่นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง