ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
การดับตัณหาเสียได้ก่อนแต่จะเกิดปฏิจจสมุปบาทPTC88
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราจักแสดง ซึ่งความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์ แก่พวกเธอทั้งหลาย. พวกเธอทั้งหลาย จงฟังข้อความนั้น จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์, เราจักกล่าวบัดนี้.
ครั้นภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลสนองรับพระพุทธดำรัสแล้ว, พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้ว่า:-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็ความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ?
(1) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยตาด้วย รูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละ, จึงมีความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. นี้คือ ความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์.
(2) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยหูด้วย เสียงทั้งหลายด้วย จึงเกิด โสตะวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (โสตะ+เสียง+โสตะวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละ, จึงความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแลชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. นี้คือ ความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์.
(3) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยจมูกด้วย กลิ่นทั้งหลายด้วย, จึงเกิด ฆานวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละ, จึงความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น ; ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมี ด้วยอาการอย่างนี้ นี้คือ ความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์.
(4) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยลิ้นด้วย รสทั้งหลายด้วย จึงเกิดชิวหาวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละ, จึงความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้ นี้คือ ความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์.
(5) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยกายด้วย โผฏฐัพพะทั้งหลายด้วย จึงเกิดกายวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (กาย+โผฏฐัพพะ+กายวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละ, จึงความดับแห่งอุปาทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้ นี้คือ ความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์.
(6) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยใจด้วย ธัมมารมณ์ทั้งหลายด้วย จึงเกิดมโนวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการ (ใจ+ธมมารมร์+มโนวิญญาณ) นั่นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะความจางคลายดับไปไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละ, จึงมีความดับแห่งอุปทาน ; เพราะมีความดับแห่งอุปทาน จึงมีความดับแห่งภพ ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งขาติ ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น: ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. นี้คือ ความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แล คือความไม่ตั้งอยู่ได้แห่งทุกข์.