[Font : 15 ]
| |
ทรงขอให้สาวกเป็นธรรมทายาท อย่าเป็นอามิสทายาท |  

ภิกษุ ท.! เธอทั้งหลายจงเป็นธรรมทายาท (คือรับมรดกธรรม) ของเราเถิด, อย่าเป็นอามิสทายาท (คือรับมรดกสิ่งของ) เลย. ความที่ควรจะเป็นห่วงของเรา ในเธอทั้งหลาย มีอยู่ว่า "ทำอย่างไรเสีย สาวกทั้งหลายของเราก็คงจะเป็นธรรมทายาท, ไม่เป็นอามิสทายาท" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ถ้าพวกเธอเป็นอามิสทายาทไม่เป็นธรรมทายาทของเราแล้ว,เธอทั้งหลายก็จะถูกเขาตราหน้าว่า "สาวกทั้งหลายของพระศาสดา เป็นอามิสทายาทอยู่โดยปรกติ หาได้เป็นธรรมทายาทไม่เลย" ดังนี้. แม้เราเองก็จะถูกเขาพากันโทษว่า "สาวกทั้งหลายของพระศาสดา ล้วนแต่เป็นอามิสทายาทกันเป็นปรกติหาได้เป็นธรรมทายาทไม่เลย" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! ถ้าพวกเธอพากันเป็นธรรมทายาทของเรา และไม่เป็นอามิสทายาทแล้วไซร้, เธอทั้งหลายก็จะได้รับการยกย่องว่า "สาวกของพระศาสดาล้วนแต่เป็นธรรมทายาทกันอยู่โดยปรกติ หาได้เป็นอามิสทายาทไม่" ดังนี้.แม้เราเอง ก็จะได้รับการยกย่องว่า "สาวกของพระศาสดา ล้วนแต่พากันเป็นธรรมทายาทั้งนั้น หาได้เป็นอามิสทายาทไม่เลย" ดังนี้ด้วยเหมือนกัน.

ภิกษุ ท.! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ เธอทั้งหลายจงพากันเป็นธรรมทายาทของเราเถิด อย่าได้เป็นอามิสทายาทเลย. ความที่ควรจะเป็นห่วงของเรา ในเธอทั้งหลายมีอยู่ว่า "ทำอย่างไรเสียสาวกทั้งหลายของเรา จงเป็นผู้เป็นธรรมทายาทเถิด อย่าได้เป็นอามิสทายาทเลย" ดังนี้.

- บาลี ธัมมทายาทสูตร มู.ม. 12/21/21. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง