[Font : 15 ]
| |
ครั้งมีพระชาติเป็น อกิตติดาบส |  

บารมีใดๆ อันเราประพฤติสั่งสมแล้ว ในระยะกาลนับได้ 4 อสงไขยแสนกัลป์ บารมีนั้นทั้งหมดเป็นเครื่องบ่มโพธิญาณให้สุก, บารมีที่เราประพฤติแล้วในภพน้อยใหญ่ ในกัลป์ก่อนๆ นั้น จักงดไว้ก่อน, จักกล่าวเฉพาะบารมีที่เราประพฤติในกัลป์นี้ ท่านจงฟังคำของเรา.

ในกาลใด, เราเป็นดาบส นามว่า อกิตติ อาศัยอยู่ในป่าหลวงสงัดเงียบว่างจากคนไปมา, ในกาลนั้น ด้วยอำนาจการบำเพ็ญตบะกรรมของเรา ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่ยิ่งในไตรทิพย์ ได้ร้อนใจทนอยู่ไม่ได้แล้ว.07.6 เธอแปลงเพศเป็นพราหมณ์เข้ามาขออาหารกะเรา.

เราเห็นพราหมณ์นั้น ยืนอยู่แทบประตูของเรา จึงให้ใบไม้ อันเรานำมาจากป่า ไม่มีมันและไม่เค็ม07.7 ไปทั้งหมด. ครั้งให้แล้ว ก็คว่ำภาชนะเก็บและไม่ออกแสวงหาใหม่ เข้าสู่บรรณศาลาแล้ว.

ในวันที่ 2 และที่ 3 พราหมณ์นั้นได้มาขอกะเราอีก. เรามิได้มีจิตหวั่นไหวไปจากเดิมไม่ได้อ่อนอกอ่อนใจ ได้ให้ไปหมดทั้งภาชนะอย่างเดียวกับวันก่อน. ความทรุดโทรมแห่งผิวพรรณในสรีระของเรา จะมีเพราะเหตุอดอาหารนั้น ก็หาไม่, เราฆ่าเวลาเป็นวันๆ นั้นได้ด้วยความยินดี โดยสุขอันเกิดจากปีติ.

หากว่าเราได้ปฏิคาหกอันประเสริฐ ตลอดเวลาตั้งเดือนหรือสองเดือนเราก็จะคงเป็นผู้มีจิตไม่หวั่นไหวไปจากเดิม ไม่อ่อนอกอ่อนใจ และให้ทานอันสูงสุดได้สม่ำเสมอ. เมื่อเราให้ทานแก่พราหมณ์นั้น เราจะได้ปรารถนายศ หรือลาภก็หามิได้, เราปรารถนาอยู่ซึ่งสัพพัญญุตญาณ (อันจะเกิดได้เพราะการถูกบ่มโดยทานนั้น) จึงได้ประพฤติแล้วซึ่งกรรมทั้งหลายเหล่านั้น.

- บาลี อกิตติจริยา จริยา. ขุ. 33/551/1.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง