[Font : 15 ]
| |
อานิสงส์สำหรับผู้ทำศีลให้สมบูรณ์ |  

ภิกษุ ท.! เธอทั้งหลาย จงมีศีลสมบูรณ์ มีปาติโมกข์สมบูรณ์อยู่เถิด. พวกเธอทั้งหลาย จงสำรวม ด้วยปาติโมกขสังวร สมบูรณ์ด้วยมรรยาทและโคจรอยู่เถิด; จงเป็นผู้เห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายที่มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลายเถิด.

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนงว่า "เราพึงเป็นที่รัก ที่เจริญใจ ที่เคารพ ที่ยกย่อง ของเพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์ด้วกยันทั้งหลาย" ดังนี้แล้ว, เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย พึงตามประกอบในธรรมเป็นเครื่องสงบแห่งจิตใจภายใน เป็นผู้ไม่เหินห่างในฌาน เป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยวิปัสสนา และให้สุญญาคารวัตต์เจริญงอกงามเถิด.

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนงว่า "เราพึงเป็นผู้มีลาภด้วยบริกขารคือ จวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริกขารทั้งหลาย" ดังนี้ก็ดี, ---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราบริโภคจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย เภสัชบริกขารของทายกเหล่าใด, การกระทำเหล่านั้น พึงมีผลมาก มีอานิสงส์มากแก่ทายกเหล่านั้น" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "ญาติสาโลหิตทั้งหลาย ซึ่งตายจากกันไปแล้ว มีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงเราอยู่, ข้อนั้นจะพึงมีผลมาก มีอานิสงส์มากแก่เขาเหล่านั้น" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงอดทนได้ซึ่งความไม่ยินดี และความยินดี, อนึ่ง ความไม่ยินดีอย่าเบียดเบียนเรา, เราพึงครอบงำย่ำยีควาไม่ยินดีซึ่งยังเกิดขึ้นแล้วอยู่เถิด"ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราเราพึงอดทนความขลาดกลัวได้, อนึ่ง ความขลาดกลัว อย่าเบียดเบียนเรา, เราพึงครอบงำย่ำยีความขลาดกลัวที่ยังเกิดขึ้นแล้วอยู่เถิด ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงได้ตามต้องการ ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้ง 4 อันเป็นไปในจิตอันยิ่ง เป็นทิฏฐธรรมสุขวิหาร" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "วิโมกข์เหล่าใด ก้าวล่วงรูปเสียแล้ว เป็นธรรมไม่มีรูป เป็นของสงบ, เราพึงถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายอยู่เถิด" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงเป็นโสดาบัน เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม เป็นผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ผู้เที่ยงต่อพระนิพพาน มีการตรัสรู้อยู่ข้างหน้า" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงเป็นสกทาคามี เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ 3 และเพราะความเบาบางแห่งราคะ โทสะ และโมหะ พึงมาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วพึงทำที่สุดแห่งทุกข์ได้" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงเป็ฯโอปปาติกะ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำ 5 พึงปรินิพพานในภพนั้น ไม่กลับจากโลกนั้น เป็นธรรมดา" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงแสดงอิทธิวิธีอย่างต่างๆ ได้---" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงมีทิพยโสต---" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราใคร่ครวญแล้ว พึงรู้จิตของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่น ด้วยจิตของตน---" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงตามระลึกถึงภพที่เคยอยู่ในกาลก่อนได้หลายๆ อย่าง---" ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงเห็นสัตว์ทั้งหลายด้วยจักษุทเพย์ อันหมดจดเกินจักษุสามัญของมนุษย์..." ดังนี้ก็ดี,---ฯลฯ---

ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุหากจำนง ว่า "เราพึงทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตต อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมเทียว เข้าถึงแล้วแลอยู่" ดังนี้ก็ดี, เธอพึงทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย พึงตามประกอบในธรรมเป็นเครื่องสงบแห่งจิตใน ภายในเป็นผู้ไม่เหินห่างในฌาน ประกอบพ้อมแล้วด้วยวิปัสสนา และให้วัตรแห่งผู้อยู่สุญญาคารทั้งหลายเจริญงอกงามเถิด.

คำใดที่เราผู้ตถาคตกล่าวแล้วว่า "ภิกษุ ท.! เธอทั้งหลาย จงมีศีลสมบูรณ์ มีปาติโมกข์สมบูรณ์อยู่เถิด, เธอทั้งหลาย จงสำรวมด้วยปาติโมกขสังวร สมบูรณ์ด้วยมรรยาทและโคจรอยู่เถิด; จงเป็นผู้เห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายที่มีประมาณเล็กน้อย สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลายเถิด" ดังนี้; คำนั้น อันเราตถาคตอาศัยเหตุผลดังกล่าวนี้แล จึงได้กล่าวแล้ว.

- บาลี พระพุทธภาษิต อากังเขยยสูตร มู. ม.12/58/73.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง