[Font : 15 ]
| |
ผู้มัวแต่อวดฉลาด |  

กัสสปะ! เธอ จงกล่าวสังสอนภิกษุ, จงแสดงธรรมีกถาแก่ภิกษุ. กัสสปะ! เราหรือเธอจะต้องว่ากล่าวสั่งสอนภิกษุ. เราหรือเธอ จะต้องแสดงธรรมีกถาแก่ภิกษุ.

"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ในเวลานี้ ภิกษุทั้งหลายเป็นคนว่ายากและประกอบด้วยเหตุที่ทำให้ว่ายากด้วย, ไม่มีความอดทน ไม่ยอมรับคำตักเตือนโดยเคารถ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในเรื่องนี้ข้าพระองค์ ยังได้เห็นภิกษุขื่อภัณฑะ ซึ่งเป็นสิทธิวิหาริกของพระอานนท์องค์หนึ่ง และภิกษุชื่อ อาภิชชิกะ ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกของพระอนุรุทธองค์หนึ่ง กล่าวท้าทายกันด้วยเคื่องวิชาความรู้ว่า "มาซิ ภิกษุ! จะได้เห็นกันว่า ใครจักกล่าวได้มากกว่ากัน, ใครจักพูดได้เพราะกว่ากัน, ในจักพูดได้นานกว่าใคร, ดังนี้" พระมหากัสสปะกล่าวทูลขึ้น

พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงรับสั่งให้ตามตัวภิกษุทั้งสองนั้นมาเฝ้า แล้วได้ทรงซักถามภิกษุทั้งสองนั้น, ภิกษุทั้งสองนั้นได้ทูลรับว่า ได้ทำการท้าทายกันเช่นนั้นจริง, จึงตรัสว่า :-

ภิกษุ ท.! เธอทั้งสองย่อมเข้าใจธรรมที่เราแสดงแล้ว ว่าเราได้แสดงว่า "ภิกษุ ท.!..เธอทั้งหลาย จงพูดท้าทายกันด้วยเรื่องวิชาความรู้อย่างนี้ว่า "มาซิ ภิกษุ ท.! จะได้รู้ว่า ใครจะถูดได้มากกว่ากัน ใครจะพูดได้เพราะกว่ากัน, ใครจะพูดได้นานกว่าใคร" ดังนี้", ดังนั้นหรือ?

ภิกษุทั้งสองรูปนั้นทูลว่า "หาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า".

ภิกษุ ท.! ก็เมื่อเธอทั้งสอง เข้าใจธรรมที่เราแสดงแล้ว ว่าหาเป็นอย่างนี้ไม่, ก็เรื่องอะไรเล่า โมฆบุรุษทั้งสอง รู้อย่างไร เห็นอย่างไร ทั้งที่บวชอยู่ในธรรมวินัยที่เรากล่าวดีแล้ว จึงกล้าพูดท้าทายกันและกันด้วยเรื่องวิชาความรู้ว่า "มาซิ ภิกษุ จะได้รู้ว่า ใครจะพูดได้มากกว่ากัน, ใครจะพูดได้เพราะกว่ากัน, ใครจะพูดได้นานกว่าใคร" ดังนี้เล่า.

ภิกษุทั้สองได้สำนึกตัว จึงหมอบลงที่พระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกล่าวคำขอขมาโทษว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ความล่วงเกินของข้าพระองค์ ได้ล่วงเกินแล้ว เพราะทำตามประสาพาลประสาเขลา ประสาไม่ฉลาด คือ ข้อที่ข้าพระองค์ทั้งสองได้บวชอยู่ในธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้า กล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ กลับมาพูดท้าทายกันเสียด้วยเรื่องวิชาความรู้ "มาซิ ภิกษุ จะได้รู้ว่าใครจะพูดได้มากกว่า ใครจะพูดได้เพราะกว่ากัน ใครจะพูดได้นานกว่าใคร" ดังนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงงดโทษโดยเป็นโทษล่วงเกินของข้าพระองค์ทั้งสอง, เพื่อสังวรต่อไป พระเจ้าข้า" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! แน่แล้ว เธอทั้งหลาย ได้ถึงความมีโทษ เพราะทำตามประสาพาล ประสาเขลา ประสาไม่ฉลาด, คือข้อที่เธอทั้งหลาย ทั้งๆ ที่ได้มาบวชในธรรมวินัยที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ กลับมามัวพูดท้าทายกันด้วยเรื่องวิชาความรู้ "มาซิ ภิกษุ จะได้รู้ว่า ใครจะพูดได้มากกว่ากัน ใครจะพูดได้เพราะกว่ากัน ใราจะพูดได้นานกว่าใคร" ดังนี้ ภิกษุ ท.! แต่เมื่อเธอทั้งหลายเห็นโทษ แล้วทำคืนเสียอย่าง ถูกระเบียบเช่นนี้ เราก็จะงดโทษของพวกเธอทั้งหลายให้.

ภิกษุ ท.! ผู้ที่เห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วคืนทำเสียอย่างถูกระเบียบ แล้วทำการสังวรระวังต่อไป, อันนั้นย่อมเป็นความเจริญในวินัยของพระอริยเจ้า ดังนี้.

- บาลี พระพุทธภาษิต นิทาน. สํ. 16/240/283, ตรัวแก่ท่านพระมหากัสสปะ ที่เชตวัน.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง