[Font : 15 ]
| |
เรื่องที่ไม่ทรงพยากรณ์ |  

มาลุงกยบุตร! ได้ยินเธอว่า (เอง) ว่า ตถาคตมิได้พูดไว้กะเธอว่า`ท่านจงมาประพฤติพรหมจรรย์ ในสำนักเราเถิด เราจะพยากรณ์ทิฎฐิ 10 ประการแก่ท่าน'; อนึ่ง เธอก็มิได้พูดว่า `ข้าพระองค์จักประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าจักพยากรณ์ทิฎฐิ 10 ประการ แก่ข้าพระองค์' ดังนี้เลย. ดูก่อนโมฆบุรุษ! เมื่อเป็นดังนี้ จักบอกคืนพรหมจรรย์กะใครเล่า.

มาลุงกยบุตร! ถึงผู้ใดจะกล่าวว่า `พระผู้มีพระภาคยังไม่ทรงพยากรณ์ทิฎฐิ 10 ประการ แก่เราเพียงใด เราจักไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพียงนั้น. ต่อเมื่อทรงพยากรณ์แล้ว เราจึงจะประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค' ดังนี้ก็ตาม ทิฎฐิ 10 ประการ ก็ยังเป็นสิ่งที่ตถาคตไม่พยากรณ์อยู่นั่นเองและผู้นั้นก็ตายเปล่า.

มาลุงกยบุตร! เปรียบเหมือนบุรุษ ต้องศรอันอาบด้วยยาพิษอย่างแก่.มิตร อมาตย์ ญาติ สายโลหิตของเขา ก็ตระเตรียมศัลยแพทย์สำหรับการผ่าตัด,บุรุษนั้นกล่าวเสียอย่างนี้ว่า `เราจักไม่ให้ผ่าลูกศรออก จนกว่าเราจะรู้จักตัวบุรุษผู้ยิงเสียก่อน ว่าเป็นกษัตริย์ หรือ พราหมณ์, เวสส์, สูทท์, เป็นผู้มีชื่ออย่างนี้ๆ มีสกุลอย่างนี้ๆ, รูปร่างสูงต่ำหรือปานกลางอย่างไร, มีผิวดำขาวหรือเรื่ออย่างไร, อยู่ในหมู่บ้าน, นิคม, หรือนครไหน, และคันศรที่ใช้ยิงเรานั้นเป็นหน้าไม้ หรือเกาทัณฑ์, สายทำด้วยปอ, เอ็น, ไม้ไผ่, หรือป่านอย่างไร, ฯลฯ' ดังนี้ มงลุงกยบุตร! เรื่องเหล่านี้ อันบุรุษนั้นยังไม่ทราบได้เลย เขาก็ทำกาละเสียก่อน, นี้ฉันใด; บุคคลผู้กล่าวว่า `พระผู้มีพระภาคยังไม่พยากรณ์ทิฎฐิ 10 ประการแก่ เราเพียงใด, เราจักไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพียงนั้น ฯลฯ' ดังนี้ ทิฎฐิ 10 ประการ ก็ยังเป็นเรื่องที่ตถาคตไม่พยากรณ์อยู่นั่นเอง, และบุคคลนั้น ก็ตายเปล่าเป็นแท้.

มาลุงกยบุตร! ต่อเมื่อมีทิฎฐิเที่ยงแท้ลงไปว่า "โลกเที่ยง" (เป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปแล้วในบรรดาทิฎฐิทั้ง 10) หรือ, คนเราจึงจักประพฤติพรหมจรรย์ได้?

มาลุงกยบุตร! ต่อเมื่อมีทิฎฐิเที่ยงแท้ลงไปว่า "โลกเที่ยง" (เป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปแล้วในบรรดาทิฎฐิทั้ง 10) หรือ, คนเราจึงจักประพฤติพรหมจรรย์ได้?

"หามิได้ พระองค์!"

มาลุงกยบุตร! ในเมื่อมีทิฎฐิว่า `โลกเที่ยง' (เป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่งในบรรดาทิฎฐิ 10) อยู่, ก็ยังมีความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และความแห้งผากในใจ อันเป็นความทุกข์ซึ่งเราบัญญัติการกำจัดเสียได้ ในภพที่ตนเห็นแล้วนี้ อยู่นั่นเอง. มาลุงกยบุตร! เพราะฉะนั้น พวกเธอจงจำสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ โดยความเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์, และจำสิ่งที่เราพยากรณ์ โดยความเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์แล้ว.

มาลุงกยบุตร! ก็อะไรเล่า ที่เราไม่พยากรณ์? สิ่งที่เราไม่พยากรณ์ คือ (ทิฎฐิข้อใดข้อหนึ่งในบรรดาทิฏฐิทั้ง 10) ว่า:-

โลกเที่ยง,

โลกไม่เที่ยง,

โลกมีที่สิ้นสุด,

โลกไม่มีที่สิ้นสุด,

ชีวะก็ดวงนั้น ร่างกายก็ร่างนั้น,

ชีวะก็ดวงอื่น ร่างกายก็ร่างอื่น,

ตายแล้ว ย่อมเป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนี้ อีก,

ตายแล้ว ไม่เป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนี้ อีก,

ตายแล้ว ย่อมเป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนี้อีกก็มี ไม่เป็นก็มี,

ตายแล้ว ย่อมเป็นอย่างที่เป็นมาแล้วนี้อีกก็ไม่ใช่ ไม่เป็นก็ไม่ใช่.

เพราะเหตุไร เราจึงไม่พยากรณ์? มาลุงกยบุตร! เพราะเหตุว่า นั่นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่เงื่อนต้นของพรหมจรรย์, ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่งความรู้พร้อม และนิพพาน, เหตุนั้นเราจึงไม่พยากรณ์.

- บาลี จูฬมาลุงกโยวาทสูตร ม.ม. 13/147/149. ตรัสแก่พระภิกษุมาลุงกยะ ที่เชตวัน.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง