ไปยังหน้า : |
[Font : 15 ]
|
| | |
1. พยัญชนะ : ผัสสะโดยพยัญชนะ : คือ การกระทบ.
2. อรรถะ : ผัสสะโดยอรรถะ : คือ การถึงกันเข้าระหว่างจิตที่จะเป็นผู้รู้สึก (อายตนะภายใน) ; กับสิ่งที่จะทำให้เกิดความรู้สึก (อายตนะภายนอก).
3. ไวพจน์ : ผัสสะโดยไวพจน์ : คือ สัมผัส, ผุสนา, สัมผุสนา.
4. องค์ประกอบ : ผัสสะโดยองค์ประกอบ : คือ อายตนะภายในหนึ่ง, อายตนะภายนอกหนึ่ง, วิญญาณหนึ่ง ; หรือ สิ่งที่จะทำความรู้สึกหนึ่ง, สิ่งที่จะให้เกิดความรู้สึกหนึ่ง, ความรู้สึกหนึ่ง.
5. ลักษณะ : ผัสสะโดยลักษณะ : มีลักษณะ :
5.1 ไม่เที่ยง, เป็นทุกข์, เป็นอนัตตา, ตามธรรมดาของสังขตธรรมทั้งหลาย.
5.2 แห่งการอาศัยกันเกิดขึ้น, อาศัยกันดับลง, ในรูปของปฏิจจสมุปบาท.
5.3 เป็นต้นเงื่อนของปฏิจจสมุปบาท.
6. อาการ : ผัสสะโดยอาการ : มีอาการ :
6.1 แห่งการเกิดดับตามธรรมดาของสังขตธรรมทั้งหลาย.
6.2 แห่งการปรุงแต่งหรืออาการแห่งปฏิจจสมุปบาท.
6.3 แห่งการกระทบระหว่างของสองสิ่ง หรือหลายสิ่ง ซึ่งเป็นการปรุงแต่งอยู่ในตัว.
7. ประเภท : ผัสสะโดยประเภท :
7.1 แบ่งเป็นประเภทสอง : ตามชนิด :
1. อวิชชาสัมผัส : สัมผัสด้วยอวิชชา คือปราศจากวิชชา.
2. วิชชาสัมผัส : สัมผัสด้วยวิชชา คือมีวิชชาในขณะสัมผัส.
7.2 แบ่งเป็นประเภทสอง : ตามลำดับ :
1. ปฏิฆสัมผัส : การกระทบครั้งแรกระหว่าง อายตนะภายใน, อายตนะภายนอก และวิญญาณ.
2. อธิวจนสัมผัส : การกระทบระหว่างจิตและเวทนา หรือ สัญญาซึ่งเป็นผลมาจากปฏิฆสัมผัส.
7.3 แบ่งตามจำนวนแห่งทวารทั้ง 6 : คือ สัมผัสทางตา, ทางหู, ทางจมูก, ทางลิ้น, ทางกาย, ทางใจ.
8. กฎเกณฑ์ : ผัสสะโดยกฎเกณฑ์ :
8.1 ผัสสะเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับมนุษย์ ; เพราะมนุษย์มีอวัยวะสำหรับผัสสะ ; และโลกก็เต็มไปด้วยอารมณ์สำหรับผัสสะ.
8.2 มนุษย์ต้องมีความรู้อันถูกต้อง สำหรับการมีผัสสะ ; มิฉะนั้นจะหาความสงบสุขมิได้.
8.3 คนเราต้องระวังผัสสะยิ่งกว่าการระวังภัยหรือศัตรูร้ายใดๆ.
9. สัจจะ : ผัสสะโดยสัจจะ :
9.1 กรรมทั้งหลายมีจุดตั้งต้นที่ผัสสะ ; ไม่มีผัสสะก็ไม่มีเจตนา ; ไม่มีเจตนาก็ไม่มีกรรม.
9.2 จะอยู่เหนือกรรมได้ก็ต้องอยู่เหนืออำนาจของสิ่งที่เรียกว่าผัสสะ.
9.3 โลกมี เพราะมนุษย์มีเครื่องมือสำหรับสัมผัสโลก สิ่งนั้นคือผัสสะ.
9.4 ถ้าเราควบคุมผัสสะได้ ก็จะง่ายแก่การมีศีลทุกชนิด และทุกระดับ.
9.5 ถ้าควบคุมผัสสะได้ ; กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทจะหยุดชะงักในกรณีนั้นๆ.
9.6 ถ้าสัมผัสโลกด้วยวิชชา โลกก็จะเป็นมิตร ; ถ้าสัมผัสโลกด้วยอวิชชาโลกก็จะเป็นศัตรู หรือมารร้าย.
10. หน้าที่ : ผัสสะโดยหน้าที่ :
10.1 หน้าที่ (โดยสมมติ) ของผัสสะ : คือให้เกิดเวทนา.
10.2 หน้าที่ของมนุษย์ต่อผัสสะ : คือ มีสติรู้เท่าทันผัสสะ ควบคุมผัสสะ.
11. อุปมา : ผัสสะโดยอุปมา : เปรียบเสมือน :
11.1 หัวงูพิษ.
11.2 ทางสองแพร่ง.
11.3 ผีผู้สร้างโลก (ถ้าไม่ผัสสะก็ไม่มีโลก).
12. สมุทัย : ผัสสะโดยสมุทัย :
12.1 ผัสสะมาจากการกระทบ : ระหว่างอายตนะ และวิญญาณ.
12.2 ความต้องการเวทนาของสัตว์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยให้สัตว์ทำผัสสะ.
12.3 เพราะโลกเต็มล้นไปด้วยปัจจัยแห่งผัสสะ จนง่ายเกินไปสำหรับการมีผัสสะ.
12.4 เพราะสัตว์โลกไม่มีความรู้ในฝ่ายอาทีนวะของผัสสะ รู้แต่ฝ่ายอัสสาทะ ; จึงเป็นเหตุให้หลงในผัสสะ.
13. อัตถังคมะ : ผัสสะโดยอัตถังคมะ :
13.1 ความดับไปตามคราวเพราะขาดเหตุปัจจัยตามธรรมดาของสังขารธรรม หรือสังขตธรรมทั้งหลาย.
13.2 ผัสสะดับเพราะอายตนะ (เครื่องกระทำผัสสะ) ดับ (คือไม่ทำหน้าที่).
13.3 เพราะมีอาการที่เรียกว่า “ตบมือข้างเดียว” คือจิตไม่รับอารมณ์เอามาปรุงเป็นตัวกูของกู การกระทบนั้นจึงไม่มีผลในทางให้เกิดทุกข์ ; กลับไปมีผลในทางไม่เกิดทุกข์ แม้นี้ก็เรียกว่าการดับของผัสสะ.
14. อัสสาทะ : ผัสสะโดยอัสสาทะ :
14.1 มีเฉพาะฝ่ายที่ทำให้เกิดสุขเวทนา อันเป็นยอดปรารถนาของสัตว์ทั้งหลาย จนถึงกับตกเป็นทาสของผัสสะหรือเวทนา.
14.2 สัตว์ชอบใจหรือถึงกับบูชาผัสสะ เพราะเป็นปัจจัยเครื่องเสวยสุขทางวัตถุ.
15. อาทีนวะ : ผัสสะโดยอาทีนวะ :
15.1 ผัสสะให้เกิดเวทนา ; และเวทนาทุกชนิด (สุข - ทุกข์ - อทุกขมสุข) ล้วนแต่เป็นที่ตั้งแห่งตัณหาอุปาทาน อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ในชั้นลึก ; นี้จัดเป็นอาทีนวะของผัสสะทุกชนิดได้เหมือนกัน.
15.2 ผัสสะเป็นจุดตั้งต้น หรือเป็นที่ก่อเกิดแห่งกรรม และปัญหาทั้งหลาย.
16. นิสสรณะ : ผัสสะโดยนิสสรณะ :
16.1 ความรู้จักผัสสะแล้วไม่ตกเป็นทาสของผัสสะ.
16.2 มีสติสัมปชัญญะในขณะแห่งผัสสะ จนหยุดกระแสการปรุงแต่งของผัสสะเสียได้.
16.3 ไม่โง่เมื่อผัสสะ จนมีการปรุงแต่งเป็นตัวตนของตน.
16.4 ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอริยอัฏฐังคิกมรรค.
17. ทางปฏิบัติ : ผัสสะโดยทางปฏิบัติ :
17.1 มีสติทันเวลาที่มีผัสสะ เพื่อสกัดกั้นกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทมิให้ดำเนินไปจนเกิดทุกข์.
17.2 รู้สึกตัวอยู่เสมอว่า ในขณะแห่งผัสสะนั่นแหละ คือขณะที่จะถูกลวง.
17.3 มีสติ เมื่อต้องเข้าไปในที่ที่มีปัจจัยแห่งผัสสะชั้นรุนแรง.
18. อานิสงส์ : ผัสสะโดยอานิสงส์ :
18.1 อานิสงส์ของผัสสะด้วยวิชชา คือไม่มีทางที่จะเกิดทุกข์.
18.2 การมีวิชชาสัมผัสบ่อยๆ ทำให้ฉลาดขึ้นในเรื่องของผัสสะ.
18.3 การสัมผัสผลแห่งสมาธิด้วยนามกาย เป็นปัจจัยแก่การบรรลุพระนิพพาน (ดื่มความสุขของสมาธิ เป็นสัมผัสอย่างหนึ่ง).
18.4 โดยหลักธรรมชาติ ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าผัสสะแล้ว สิ่งที่เรียกว่าโลกก็ไม่มี.
19. หนทางถลำ : ผัสสะโดยหนทางถลำ : เข้าไปสู่ความผิดพลาดเกี่ยวกับผัสสะ :
19.1 การตามใจตัวเองหรือลุอำนาจแก่กิเลส
19.2 ความประมาทสะเพร่าอวดดี.
19.3 การเป็นอยู่อย่างขาดสติ.
20. สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง : ผัสสะโดยสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้อง :
20.1 สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องในการเกิดผัสสะ : คือสฬายตนะA47.
20.2 สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องในการควบคุมผัสสะ : คือสติสัมปชัญญะ.
20.3 สิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องในการทำลายอิทธิพลของผัสสะ : คือวิปัสสนา.
21. ภาษาคน - ภาษาธรรม : ผัสสะโดยภาษาคน - ภาษาธรรม :
21.1 ภาษาคน : สัมผัสทางกามารมณ์.
ภาษาธรรม : สัมผัสของอายตนะทั่วไป.
21.2 ภาษาคน : น่ารัก.
ภาษาธรรม : น่าขยะแขยง.
ธรรมโฆษณ์ที่แนะนำให้อ่าน
1. กข กกา ของการศึกษาพุทธศาสนา
2. โมกขธรรมประยุกต์