[Font : 15 ]
| |
นรกเพราะไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทร้อนยิ่งกว่านรกไหนหมด

นรกเพราะไม่รู้ปฏิจจสมุปบาทร้อนยิ่งกว่านรกไหนหมดPTC30

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นรกชื่อว่ามหาปริฬาหะ มีอยู่. ในนรกนั้น, บุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยจักษุ แต่ได้เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าปรารถนาเลย ; เห็นรูปที่ไม่น่าใครอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าใคร่เลย ; เห็นรูปที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังฟังเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยโสต แต่ได้ฟังเสียงที่ไม่น่าปรารถนาย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าปรารถนาเลย ; ฟังเสียงที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าใคร่เลย ; ฟังเสียงที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกกลิ่นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยฆานะ แต่ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้กลิ่นที่น่าปรารถนาเลย ; ได้รู้สึกลิ่นที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าใคร่เลย ; ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังลิ้มรสอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยชิวหา แต่ได้ลิ้มรสไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าปรารถนาเลย ; ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าใคร่เลย ; ได้ลิ้มรถที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังถูกต้องโผฎฐัพพะอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยกาย แต่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าปรารถนาเลย ; ได้ถูกต้องโผฎฐัพพะที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าใคร่เลย ; ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียวอย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าพอใจเลย, ในนรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกธัมมารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยมโน แต่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย, ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าใคร่เลย; ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าพอใจเลย.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ความเร่าร้อนนั้น ใหญ่หลวงนักหนอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! มีไหม พระเจ้าข้า : ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวว่า กว่าความร้อนนี้ ?”

ดูก่อนภิกษุ ! มีอยู่ : ความเร่าร้อนอื่น ที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่า กว่าความร้อนนี้.

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่า กว่าความร้อนนี้ เป็นอย่างไรเล่า ?"

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า "ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ"; ว่า "เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ"; ว่า "ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ"; ว่า "ข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ”; สมณพราหมณ์เหล่านั้นย่อมยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ; สมณพราหมณ์เหล่านั้น ครั้นยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว, ย่อมปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลายอันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ; สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลายเช่นนั้นแล้ว, ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชาติ (ความเกิด) บ้าง ; ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชราบ้าง, ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งมรณะบ้าง, ย่อมเร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสบ้าง ; เรากล่าวว่า "สมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่พ้นจากชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย คือไม่พ้นจากทุกข์” ดังนี้.

(ฝ่ายปฏิบักขนัย)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสมณหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า "ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ”; ว่า "เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ"; ว่า "ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ"; ว่า "ข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ"; ว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่ยินดียิ่งในสังขารทั้งหลาย อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส; สมณพราหมณ์เหล่านั้น ครั้นไม่ยินดีในสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว, ย่อมไม่ปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลาย อันเป็นไปพร้อมเพื่อชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ; สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นไม่ปรุงแต่งซึ่งสังขารทั้งหลาย เช่นนั้นแล้ว, ย่อมไม่เร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชาติ (ความเกิด) บ้าง ย่อมไม่เร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งชรา บ้าง ย่อมไม่เร่าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งมรณะบ้าง ย่อมไม่เร้าร้อนเพราะความเร่าร้อนแห่งโลกะ ปริเทวะทุกขุโทมนัสอุปายาสบ้าง : เรากล่าวว่า "สมณพราหมณ์เหล่านั้นย่อมหลุดพ้นจากชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย คือหลุดพ้นจากทุกข์" ดังนี้.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอทั้งหบาย พึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามที่เป็นจริงว่า "ทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ"; ว่า " เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ "; ว่า " ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ"; "ข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ"; ดังนี้เถิด.

หมายเหตุผู้รวบรวม : ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า นรกที่ร้อนยิ่งกว่านรกนั้น คือนรกแห่งการไม่รู้ไม่เห็นซึ่งอริยสัจ 4 ; อริยสัจ 4 โดยสมบูรณ์นั้นคือปฏิจจสมุปบาท ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้แล้วในสูตร 1 มหาวรรคติก.อํ 20/227/501, ซึ่งนำมาใส่ไว้ในหนังสือเล่มนี้ โดยหัวข้อว่า "อริยสัจในรูปแห่งปฏิจจสมุปบาท มีในขณะแห่งเวทนา" ; โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะกำลังเสวยทุกข์อันเกิดมาจากชาติ เป็นต้น ; นรกที่เกิดมาจากการไม่เห็นอริยสัจสี่ จึงเป็นนรกแห่งการไม่เห็นปฏิจจสมุปบาท นั้นเอง ; เรียกสั้นๆ ในที่นี้ว่า "นรกปฏิจจสมุปบาทร้อนยิ่งกว่านรก"


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ