[Font : 15 ]
| |
ในการละกิเลสแม้ชั้นสูง ก็ยังมีการอยู่เป็นสุข |  

โปฏฐปาทะ ! เราย่อมแสดงธรรม เพื่อละการได้ซึ่ง อัตตาแม้ชนิดหยาบ ซึ่งเมื่อท่านทั้งหลายปฏิบัติตามธรรมนั้นแล้ว สังกิเลสิกธรรมทั้งหลายจักละไป โวทานิยธรรมทั้งหลายจักเจริญโดยยิ่ง จักกระทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ ไพบูลย์แห่งปัญญา ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่.

โปฏฐปาทะ ! ความคิดอาจจะเกิดขึ้นแก่ท่าน อย่างนี้ว่า “การที่สังกิเลสิกธรรมทั้งหลายจักละไป โวทานิยธรรมทั้งหลายจักเจริญโดยยิ่ง จักกระทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ไพบูลย์แห่งปัญญาได้ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่นั้น แต่การอยู่นั้นจักเป็นทุกข์ลำบาก” ดังนี้ ก็ได้. โปฏฐปาทะเอ๋ย ! ข้อนั้นท่านอย่าเห็นอย่างนั้นเลย : สังกิเลสิกธรรมทั้งหลายก็จักละได้ด้วย โวทานิยธรรมทั้งหลายก็จักเจริญโดยยิ่งด้วย จักกระทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ไพบูลย์แห่งปัญญาได้ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้ว แลอยู่ด้วย ปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ สติ สัมปชัญญะ ก็จักมี และการอยู่นั้น ก็เป็นสุขด้วย.

(ต่อไปนี้ได้ทรงแสดงธรรมเพื่อการละเสียซึ่งการได้ อัตตาอันเป็นมโนมยะ และ อัตตาอันเป็นอรูปี และทรงยืนยันว่าการปฏิบัติเพื่อการละนั้น ไม่เป็นการอยู่ที่เป็นทุกข์ แต่เป็นการอยู่ที่เป็นสุขเช่นเดียวกัน. พวกเราในบัดนี้มักจะเข้าใจไปว่า การปฏิบัติธรรมจะต้องเกิดเป็นความทุกข์ลำบากเสมอ).

- สี. ที. 9/241 - 243/303 - 305.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง