[Font : 15 ]
| |
: เวทนาทั้งหลายมิใช่ผลแห่งกรรมในกาลก่อน |  

(ครั้งหนึ่ง เมื่อประทับอยุ่ที่สักยนิคมชื่อเทวทหะ ได้ตรัสเรื่องหลักลัทธิของนิครนถ์ทรงเล่าถึง การเข้าไปสนทนากับพวกนิครนถ์ผู้มีทิฏฐิว่า สุขทุกข์ทั้งปวงนั้นมีเพราะเหตุแห่งกรรมที่ทำไว้ในกาลก่อน เป็นอันมากแล้ว กระทั่งมาถึงข้อความนี้ ว่า:-)

ภิกษุ ท.! เราได้กล่าวกะนิครนถ์เหล่านั้น ต่อไปว่า "ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ท่าน ท. เข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : เมื่อใดพวกท่าน มีความพากเพียรพยายามอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นท่าน ท. ย่อมได้รับทุกขเวทนาอันแรงกล้าแสบเผ็ด ซึ่งเกิดจากความเพียรนั้น; แต่เมื่อใดพวกท่าน ไม่มีความพากเพียรพยายามอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นท่าน ท. ย่อมไม่ได้รับทุกขเวทนา อันแรงกล้าแสบเผ็ด ซึ่งเกิดจากความเพียรนั้น ดังนี้มิใช่หรือ?"

"ท่านโคตมะ! เมื่อใดพวกเรา ท. มีความพากเพียรพยายามอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นเรา ท. ย่อมได้รับทุกขเวทนาอันแรงกล้าแสบเผ็ด ซึ่งเกิดจากความเพียรนั้น; แต่เมื่อใดพวกเราไม่มีความพากเพียรพยายามอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นเรา ท. ย่อมไม่ได้รับทุกขเวทนาอันแรงกล้าแสบเผ็ด ซึ่งเกิดจากความเพียรนั้น."

ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! เมื่อได้ยินกันอยู่แล้ว ดังนี้ว่า เมื่อใดพวกท่านมีความพากเพียรพยายามอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นท่าน ท. ย่อมได้รับทุกขเวทนาอันแรงกล้าแสบเผ็ดซึ่งเกิดขึ้นจากความเพียรนั้น แต่เมื่อใดพวกท่านไม่มีความพากเพียรพยายามอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นท่าน ท. ย่อมไม่ได้รับทุกขเวทนา อันแรงกล้าแสบเผ็ดซึ่งเกิดจากความเพียรนั้น ดังนี้แล้ว ก็ไม่เป็นการสมควรแก่ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท. ที่จะกล่าวว่า "บุรุษบุคคลเรานี้ เสวยเวทนาไร ๆ เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี เป็นอทุกขมสุขก็ดี ทั้งหมดนั้นมีเพราะเหตุแห่งกรรมอันกระทำแล้วในกาลก่อน และว่าเพราะการเผาผลาญเสียซึ่งกรรมในกาลก่อนจนหมดสิ้น และเพราะการไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ กระแสแห่งกรรมต่อไปก็ไม่มี, เพราะกระแสแห่งกรรมต่อไปไม่มี ก็สิ้นกรรม, เพราะสิ้นกรรม ก็สิ้นทุกข์, เพราะสิ้นทุกข์ ก็สิ้นเวทนา, เพราะสิ้นเวทนาทุกข์ทั้งหมดก็สูญสิ้น" ดังนี้.

ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! ถ้าเมื่อใด แม้พวกท่านมีความพากเพียรพยายามอันแรงกล้า เมื่อนั้นทุกขเวทนาอันแรงกล้าแสบเผ็ด ซึ่งเกิดจากความเพียรนั้นก็ยังตั้งอยู่, และแม้เมื่อใดพวกท่านไม่มีความพากเพียรพยายามอันแรงกล้า เมื่อนั้นทุกขเวทนาอันแรงกล้าแสบเผ็ด ซึ่งเกิดจากความเพียรนั้น ก็ยังตั้งอยู่, ดังนี้ไซร้;จะเป็นการสมควรแก่ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท. หรือ ที่จะกล่าวว่า "บุรุษบุคคลเรานี้เสวยเวทนาไรๆ ทั้งหมดนั้นมีเพราะเหตุแห่งกรรมอันกระทำแล้วในกาลก่อน...ฯลฯ...เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งหมดก็สูญสิ้นไป" ดังนี้.

ท่านผู้เป็นนิครนถ์ ท.! เพราะเหตุที่ว่า เมื่อใดความเพียรของท่านแก่กล้า ทุกขเวทนาของท่านก็แสบเผ็ด แต่เมื่อใดความเพียรของท่านไม่แก่กล้า ทุกขเวทนาของท่านก็ไม่แสบเผ็ด; เพราะเหตุนั้นจึงแสดงว่า เมื่อท่าน ท. เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้าแสบเผ็ดอยู่ด้วยตนเองนั่นแหละ ท่าน ท. ได้ปรุงอวิชชาซึ่งเป็นอัญญาณและสัมโมหะ ขึ้นมาว่า "บุรุษบุคคลเรานี้ เสวยเวทนาไรๆ ...ทั้งหมดนั้นมีเพราะเหตุแห่งกรรมอันกระทำแล้วในกาลก่อน ...ฯลฯ... เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งหมดก็สูญสิ้นไป" ดังนี้.

ภิกษุ ท.! เราผู้มีวาทะอยู่อย่างนี้แหละ ย่อมไม่มองเห็นอะไรในหมู่นิครนถ์ ที่น่าจับใจและประกอบอยู่ด้วยธรรม.

- บาลี เทวทหสูตร อุปริ. ม. 14/7/8-9. ตรัสเล่าแก่ภิกษุ ท. ที่เทวทหนิคม แคว้นสักกะ.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง