[Font : 15 ]
| |
เรื่องปฏิจจสมุปบาท คือเรื่องอริยสัจ

เรื่องปฏิจจสมุปบาท คือเรื่องอริยสัจPTC40

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ธรรมดาอันเราแสดงแล้วว่า “เหล่านี้ คืออริยสัจทั้ง 4” ดังนี้ เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทำให้เราเศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้. ข้อนี้ เป็นธรรมที่เรากล่าวแล้วอย่างนี้ เราอาศัยซึ่งอะไรเล่า จึงกล่าวแล้วอย่างนี้ ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เพราะอาศัยซึ่งธาตุทั้งหลาย 6 ประการ การก้าวลงสู่ครรภ์ ย่อมมี ; เมื่อการก้าวลงสู่ครรภ์ มีอยู่, นามรูป ย่อมมี ; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราย่อมบัญญัติว่า "นี้ เป็นความทุกข์" ดังนี้ ; ว่า "นี้ เป็นทุกขสมุทัย" ดังนี้ ; ว่า “นี้ เป็นทุกขนิโรธ” ดังนี้ ; ว่า นี้ เป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ดังนี้ : แก่สัตว์ผู้สามารถเสวยเวทนาอยู่.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ทุกขอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์, แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์, แม้ความตายก็เป็นทุกข์, แม้โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ก็เป็นทุกข์, การประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์, ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก เป็นทุกข์, ปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์ : กล่าวโดยย่อ ปัญจุปาทานขันธ์ทั้งหลาย เป็นทุกข์, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่าทุกขอริยสัจ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ทุกขสมุทยอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป ; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา ; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ; เพราะมีภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรากล่าวว่าทุกขสมุทยอริยสัจ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ทุกขนิโรธอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเที่ยว, จึงมีความดับแห่งสังขาร ; และทำให้เกิดทุกข์ได้อย่างไร ถึง 11 ระยะ คือสายแห่งปฏิจจสมุปบาทฝ่ายสมุทยวาร สายหนึ่ง ; แทนที่จะกล่าวสั้นๆ ลุ่นๆ ว่า ทุกขนิโรธ คือการดับตัณหาเสีย ก็ตรัสอย่างละเอียดถึง 11 ระยะ อย่างเดียวกัน เป็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร; ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า การตรัสอย่างนี้ เป็นอริยสัจโดยสมบูรณ์. เราควรเรียกอริยสัจที่แสดงด้วยปฏิจจสมุปบาท ว่า “อริยสัจใหญ่”, และเรียกอริยสัจที่รู้กันอยู่ทั่วๆ ไปว่า “อริยสัจเล็ก” กันแล้วกระมัง.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

  |     |   แจ้งข้อผิดพลาด / แนะนำ